“การจะก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ยืนหยัดได้ 100 ปี คนของเราต้องพร้อมปรับตัว เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ลงมือทำจริง และก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลง เพราะโลกภายนอกไม่เคยหยุดเปลี่ยนแปลง”
คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล, กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เงินติดล้อ
ในวันที่หลายองค์กรยังตั้งคำถามกับบทบาทของเทคโนโลยีอย่าง AI บมจ. เงินติดล้อ เลือกทำให้ “คน × AI” กลายเป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตระยะยาว ผ่านเวที TIDLOR AI HACKATHON ที่เริ่มต้นจากปัญหาจริง สร้างตัวอย่างจริงที่พิสูจน์ได้ (Proof of Concept หรือ POC) และขยายสู่การใช้งานจริง ด้วยค่านิยมของการกระหายเรียนรู้และไม่หยุดพัฒนาตนเอง กล้าคิดกล้าลองเพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กร 100 ปี อย่างเป็นรูปธรรม
TIDLOR AI HACKATHON คืออะไร - จากเวทีแข่งขันสู่นวัตกรรมใช้งานจริง
บมจ. เงินติดล้อ เป็นหนึ่งในองค์กรแรกๆ ของไทยที่จัดกิจกรรม Hackathon อย่างต่อเนื่อง เปิดเวทีให้พนักงานจากทุกฝ่าย ทุกสายงาน รวมทีม คิดไอเดีย และทดลองนวัตกรรมใหม่ ตรงกับวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม ค่านิยม “กล้าคิด กล้าลอง” และแนวคิด “License to fail” ที่นำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนให้ก้าวไปต่อ
กิจกรรมนี้ของบมจ. เงินติดล้อจึงตอบโจทย์องค์กรหลายมิติ
- สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์จริงให้กับองค์กร เพราะทุกไอเดียของแต่ละทีมล้วนเริ่มต้นมาจากปัญหาทั้งของลูกค้า และของฝ่ายงานต่างๆ ในองค์กร
- ช่วยบ่มเพาะทีมเวิร์กและความคิดสร้างสรรค์ จากการที่พนักงานจากต่างแผนก ต่างสายงานมารวมทีมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและช่วยกันลงมือทำในสิ่งที่คิด รวมถึงยังสร้างโอกาสให้พนักงานได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้บริหารขององค์กรที่ร่วมเป็น ‘เมนเทอร์’ และทำหน้าเป็น ‘สปอนเซอร์’ ที่มีบทบาทในการสนับสนุนทีมแบบเดียวกับสปอนเซอร์ที่ลงทุนให้สตาร์ทอัพ
- ส่งเสริมวัฒนธรรมกระหายเรียนรู้และกล้าคิดกล้าลอง ผ่านการให้พนักงานได้ลงมือคิดและลองทำงานจริงตามสิ่งที่คิดไว้
เบื้องหลังความสำเร็จ — เตรียม “คน × ความรู้ × เครื่องมือ” อย่างเป็นระบบ
TIDLOR AI HACKATHON ถูกออกแบบเพื่อปลดล็อกศักยภาพคนในองค์กร โดยก่อนเริ่มกิจกรรม ทีมงานก็ได้มีการจัดเวิร์กช็อป อบรม ให้ความรู้ด้าน AI กับพนักงานทุกระดับ และพัฒนาหลักสูตร AI อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่า AI คือตัวเร่งสำคัญ ที่ช่วยเสริมพลังให้คนและธุรกิจเติบโตได้ไกลกว่าเดิม ซึ่งก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในทุกๆ กิจกรรม
ส่งผลให้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีจุดที่โดดเด่นและแตกต่างก็คือผู้สมัครกว่า 80% เป็นพนักงานสาย Non-IT แต่ ทำงานได้จริง หลายทีมผ่านเข้ารอบ 15 ทีมสุดท้าย (Final Pitch) และหนึ่งทีมที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศทั้งๆ ที่สมาชิก เป็น Non-IT ทั้งทีม นี่แหละที่พิสูจน์ผลลัพธ์ของค่านิยม กระหายเรียนรู้ และ กล้าคิดกล้าลอง และยืนยันว่า ใครๆ ก็ใช้ AI ทำงานได้ หากเข้าใจธุรกิจ/กระบวนการของตนเองอย่างแท้จริง
“ICEBERG เป็นทีมที่ผมได้มีโอกาสเป็นสปอนเซอร์ ตอนที่ผมเห็นรายชื่อสมาชิกครั้งแรก แอบรู้สึกหนักใจนิดหน่อย เพราะไม่มีใครมาจากฝ่าย IT เลย ก็คิดว่าเราจะพูดเรื่อง ‘n8n’ กันรู้เรื่องไหม จะคุยเรื่องโมเดลต่างๆ กันเข้าใจหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะทุกคนในทีมมาด้วย Passion ล้วนๆ เขาสามารถนำสิ่งที่อยู่ในหัวไปนั่งคุยกับ ChatGPT จนออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ และเขียนโฟลว์ของเขาออกมาได้เรียบร้อย นั่นทำให้เห็นว่า คนที่ใช้ AI ได้ดี ไม่ใช่คนที่ต้องเก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่ต้องเป็นคนที่ต้องเข้าใจระบบงานที่ตัวเองทำอยู่ก่อน ซึ่งทีมนี้เข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอย่างดี และยังเข้าใจสิ่งที่ต้องการทำอย่างลึกซึ้ง พอมี AI เลยเหมือนการได้เครื่องมือมาช่วยต่อยอดให้เขาทำงานได้ดีขึ้น ไวขึ้น”
คุณธีวินท์ จิตรสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และพัฒนา
Mentor/Sponsor ทีม A&D - โค้ชให้ไปต่อได้จริง
อีกหนึ่งเสียงสะท้อนสำคัญจาก คุณรฐิยา อิสระชัยกุล Chief Operating Officer ของ RISE ซึ่งทำหน้าที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ “จากที่มีโอกาสได้เห็น HACKATHON ที่จัดขึ้นในหลายองค์กร ต้องบอกว่าที่นี่ทำด้าน AI ได้ถึงจริง โฟกัสเคสตัวอย่างที่ใช้งานได้จริง เน้นผลลัพธ์จับต้องได้ เพราะองค์ประกอบครบ—พนักงานอยากแก้ปัญหาจริง ผู้จัดร้อยเรียงระยะเวลาและประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ดี และมี Mentor/Sponsor ที่เป็นผู้บริหารคอยผลักดัน อีกทั้งทีมภายในที่ช่วยซัพพอร์ต และตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมตั้งกรอบการแข่งขันได้ชัดเจน สิ่งที่น่าทึ่งคือทุกทีมใช้ n8n ฉายภาพภาพทั้งโฟลว์ให้กรรมการเห็นครบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ องค์กรที่ใช้ n8n ได้ถึงระดับนี้ในไทย มีไม่เกิน 5 แห่ง และเงินติดล้อคือหนึ่งในนั้น ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์จริงขึ้นมา
จาก Pain Point สู่ POC - Pilot - Production - เส้นทางที่วัดผลได้จริง
นอกจากนี้ความสำเร็จในการจัด TIDLOR AI HACKATHON ยังมาจากการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นระบบ เริ่มตั้งแต่
1. ให้ความสำคัญกับไอเดีย ที่มาจาก Pain Point จริง
การเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับปัญหาของลูกค้า และพนักงานในองค์กร รวมถึงความใส่ใจของพันธมิตรที่องค์กรบ่มเพาะพนักงานมาตลอด คือหนึ่งในกุญแจที่เปิดประตูไปสู่ความสำเร็จของการจัด Hackathon ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมจริง หรือ นำไปสู่การสร้างเครื่องมือที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาจริงให้กับลูกค้าหรือฝ่ายต่างๆ ในองค์กรได้ ทำให้ทุกไอเดียใน TIDLOR AI HACKATHON ครั้งนี้มีความน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาช่วยตรวจจับการทุจริต, การใช้ AI มาช่วยลดเวลาในการตรวจสอบเอกสาร หรือแม้แต่การนำ AI มาช่วยอัปสกิลให้พนักงานขายปิดการขายได้เร็วขึ้น เป็นต้น
2. การกำหนดเกณฑ์การตัดสินที่เข้มข้น
เพื่อให้แน่ใจว่าไอเดียที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถไปต่อ และแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้จริง หรือสามารถช่วยสร้างการเติบโตให้องค์กรได้จริงและคุ้มค่า ทุกทีมและทุกโปรเจกต์ที่เข้าสู่รอบ Final Pitch จึงต้องผ่านการประเมินทั้ง 5 ด้าน คือ
- Desirability – ลูกค้าหรือผู้ใช้งานต้องการจริงหรือไม่
- Viability – ความคุ้มค่าในการนำไปใช้ในธุรกิจ
- Feasibility – ใช้เทคโนโลยีที่ทำจริงได้หรือไม่
- Proof of Concept (POC) – การทดสอบหรือพิสูจน์เบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่าไอเดียหรือโซลูชันต่างๆ ที่คิดมาสามารถนำไปใช้ได้จริง
- Pitching – การสื่อสารไอเดียที่ชัดเจน โดยแต่ละทีม ต้องนำเสนอโปรเจกต์อย่างครบถ้วนทั้งในมิติของ
- Pain point หรือ ปัญหา ที่อยากจะนำ AI มาช่วยแก้ไข หรือพัฒนา พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับ AI ที่แต่ละทีมเลือกนำมาใช้ว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่มีได้อย่างไร
- Benefit หรือ Business Impact (ผลกระทบทางธุรกิจ) ที่มีต่อองค์กร เช่น ช่วยให้องค์กรมีรายได้เพิ่ม หรือช่วยสร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้เพิ่มขึ้นในส่วนงานต่างๆ ขององค์กรได้อย่างไรบ้าง หรือจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กรได้อย่างไร
- ROI (Return on Investment) ซึ่งคือการวัดผลตอบแทนที่ธุรกิจได้รับจากการลงทุน เพื่อให้เห็นว่าเงินที่องค์กรจะใช้เพื่อลงทุนในแต่ละโปรเจกต์นั้นคุ้มค่าหรือไม่
- Implementation Timeline ที่แสดงให้เห็นว่าได้วางระยะเวลาในการพัฒนาโปรเจกต์ของทีมไว้อย่างไร เพื่อให้สามารถนำไปสู่การใช้งานได้จริงภายในระยะเวลา 3 ปี ตามโจทย์ที่กำหนดไว้
จากกระบวนการทั้งหมด ประกอบกับค่านิยมและวัฒนธรรมที่เอื้อ ทำให้เวที TIDLOR AI HACKATHON ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจจากโปรเจกต์แต่ละทีม แต่ยัง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน ส่งผลต่อการทำงานร่วมกันที่แข็งแรงยิ่งขึ้น และที่สำคัญ เวทีนี้ช่วยให้พนักงาน เข้าใจ AI ลึกขึ้นและมอง AI เปลี่ยนไป — จากที่เคยถูกมองเป็นคู่แข่ง กลายเป็น พลังขับเคลื่อน/ตัวเร่งนวัตกรรม ที่สร้างโอกาสใหม่ให้ทั้งคนและธุรกิจก้าวไกลกว่าเดิม
ทีม Sentinel One: พัฒนาเครื่องมือที่เลือกใช้เทคโนโลยี OCR ที่เหมาะสมกับเอกสารแต่ละประเภทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ทีม ICEBERG: พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยตรวจจับ keywords จากบทสนทนา และเพิ่มโอกาสการปิดการขายได้อย่างแม่นยำ และเพื่อพัฒนาสคริปต์สำหรับพนักงานขายทางโทรศัพท์ให้ดียิ่งขึ้น
ทีม YOLO IS Not YOYO: สร้างผู้ช่วยเทคโนโลยีที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าและปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
AHA Moment - เสียงจากผู้นำและทีมงาน
“เป้าหมายของเราชัดเจน—เราอยากสร้างองค์กรที่อยู่ได้ถึง 100 ปี หนทางคือโอบรับการเปลี่ยนแปลงและรักษาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจและงานหลังบ้าน จริงๆ สิ่งที่หลายคนไม่เห็นคืองานหลังบ้านนี่แหละที่เป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นถ้าหลังบ้านแข็งแรง หน้าบ้านย่อมดี และองค์กรจึงเติบโตได้อย่างยั่งยืน นวัตกรรม คือสิ่งที่ทำให้ผู้นำต่างจากผู้ตาม และ Hackathon คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญ แม้เราต้องการผลลัพธ์เชิงประโยชน์จากทุกโปรเจกต์ แต่สิ่งที่ยั่งยืนกว่าคือ ความสัมพันธ์และพลังบวกระหว่างพวกเรา ขอบคุณ Sponsors และ Mentors หลายท่านที่ยอมก้าวออกจาก Comfort Zone เพื่อแนะแนวทางทีม วันนี้พิสูจน์แล้วว่าเราทำได้—ขอให้กล้าลอง และ ยอมรับความเป็นไปได้ในการผิดพลาด เพื่อเรียนรู้ให้ไวและไปได้ไกล นี่คือหนทางสู่ องค์กร 100 ปี”
คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เงินติดล้อ
“ในฐานะสปอนเซอร์ เราได้มีโอกาสได้เรียนรู้ไปกับน้องๆ และช่วยให้เข้าใจ AI เชิงลึก ได้รู้ว่ามันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ทึ่งกับทุกๆทีม ที่ทำให้เห็นว่าเรามี Talent อยู่ในองค์กรเยอะมาก และอยากให้ทุกคนรู้ว่าวันนี้ตัววัดความสำเร็จไม่ใช่ประสบการณ์ แต่คือการทำให้ไอเดียดีๆ ที่มีอยู่เกิดขึ้นได้จริง”
คุณภคมน ตุลยาพิศิษฐ์ชัย ผู้อำนวยการอาวุโส แผนกดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
“เราพูดมาตลอดว่าเราเป็นองค์กรที่กล้าคิด กล้าลอง และการจัด TIDLOR AI HACKATHON ครั้งนี้ก็ทำให้ภาพนี้ชัดที่สุดแล้ว เพราะถ้าเราไม่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้ เวทีนี้ก็คงไม่เกิด อีกอย่างคือ ‘ความร่วมแรงร่วมใจ’ จากการร่วมกันสร้างสรรค์โปรเจกต์ขึ้นมา ทำให้ผมเห็นภาพการยอมถอยกันก้าวหนึ่ง เพื่อให้งานไปต่อได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ และชัดเจนมากๆ สุดท้ายไม่ว่าทีมจะได้รางวัลหรือไม่ ไม่ต้องเสียใจเลย เพราะแค่สมัครคุณก็ชนะแล้ว และโปรเจกต์ทั้งหลายอย่าหยุดนะ ขอให้ไปต่อ เพราะมีหลายโปรเจกต์ที่ดีมากๆ จริงๆ”
คุณธีวินท์ จิตรสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และพัฒนา
“ประทับใจกับการทำงานเป็นทีมและช่วยเหลือกัน ทำให้นึกถึงตอนที่องค์กรเรายังไม่เติบโตเท่าวันนี้ เราจะเดินไปหาเพื่อนต่างแผนก บอกว่าอยากได้นั่นได้นี่ ช่วยทำให้หน่อย แล้วเพื่อนก็ช่วยให้งานที่เราทำอยู่มันง่ายขึ้นโดยไม่ต้องมีเอกสารมากมาย องค์กรของเราเติบโตมาได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแบบนี้”
คุณศุภโชค อัครกุลยศ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาและบริหารงานขายสาขา
“วันนี้เราได้เห็นสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่า Hackathon ครั้งที่แล้ว ทุกคนพูดถึง POC พูดถึง Cost & Benefit แล้วก็คิดทุกอย่างรอบด้าน อันนี้คือสิ่งที่เห็นได้ชัด ขอปรบมือให้ทีม Tidlor Academy ของเราที่นำบทเรียนจาก Hackathon ครั้งก่อนมาต่อยอดจนเกิดผลลัพธ์ในครั้งนี้”
คุณอาฑิตยา พูนวัตถุ – ผู้บริหารระดับสูงด้านธุรกิจประกันภัย
“ถ้ายังจำกันได้ เมื่อสองปีก่อนตอนเราเริ่มจัด Hackathon ครั้งแรก เราพูดถึงคำว่า License to Fail—พื้นที่ให้กล้าคิด กล้าลอง พลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้ ครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า ความหมายของ License to Fail ไม่ได้เกิดจากคำบอกของผู้บริหาร หากแต่อยู่ในตัวของพวกเราทุกคน ที่กล้าลองสิ่งใหม่ๆ กล้ายอมรับความผิดพลาด และลุกขึ้นเรียนรู้อย่างจริงจัง”
คุณกาญจน์ณัฐ เฉลิมจุฬามณี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย Tidlor Academy
“Hackathon ของเราโหดจริง ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีสารพัด รับโจทย์ที่ท้าทายและหลากหลาย ตอบคำถามทั้งจาก Mentor, Sponsor และคณะกรรมการ ถ้ามาด้วยงบเยอะๆ ก็คงไม่ใช่ Hackathon แล้ว แต่วันนี้เราได้เห็นชัดว่าทุกทีมใช้งบไม่สูงเลย ที่สำคัญเมื่อถามความคิดเห็นจากกรรมการภายนอก ก็ยิ่งพิสูจน์ว่า กิจกรรมของเรามีความเป็นการแข่งขันสูง ไม่แพ้มาตรฐานข้างนอก เราเข้าใจดีถึงแรงกดดันที่ทุกคนต้องเจอในกิจกรรมนี้ และนั่นแหละคือคุณค่าของการเรียนรู้ครั้งนี้”
คุณเบอร์นาร์ด โช ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ
“ขอบคุณเวทีนี้ที่เปิดพื้นที่ให้พวกเราได้แสดงศักยภาพ และต่อยอดความรู้ที่มีให้กลายเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์จริงกับองค์กร สิ่งท้าทายที่สุดคือการบริหารเวลาในช่วง POC และการเรียนรู้ที่จะให้ครอบคลุมภาพธุรกิจมากยิ่งขึ้น สิ่งที่อยากฝากไว้คือ AI จะไม่มีวันมาแทนที่ชาวเงินติดล้อ ที่พร้อม ‘กล้าคิด กล้าลอง’ เสมอ มันจะเข้ามาช่วยให้เรา Work Smart ยิ่งขึ้น”
ทีม Sentinel One รางวัลชนะเลิศอันดับ 1
“การที่เราไม่ได้ตั้งต้นจาก IT ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะมันช่วยพิสูจน์ว่ากระบวนการทำงานที่เราเขียนขึ้นด้วยความเข้าใจทางธุรกิจว่าอยากให้มันทำอะไรได้บ้าง AI สามารถเข้ามาช่วยทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง อยากฝากบอกทุกคนว่าไม่ต้องกลัวเรื่องเทคนิคอะไรมากมายเลย ถ้ารู้เป้าหมายของตัวเองชัดว่าอยากทำอะไร อยากสร้างประโยชน์และคุณค่าแบบไหน เพื่ออะไร กับใคร ก็แค่ก้าวออกมา และเลือก AI ที่จะนำมาใช้ให้ถูก หลังจากนั้น AI จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้เราเอง”
ทีม ICEBERG รางวัลชนะเลิศอันดับ 2
“อยากให้ทุกคนได้ลองลงแข่งกิจกรรม Hackathon ดูสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะคนที่อยากหาความท้าทายในชีวิต แล้วเราจะได้พบว่ายังมีจุดที่เรายังไปต่อได้อีกมาก”
ทีม YOLO ที่ไม่ใช่ YOYO รางวัลชนะเลิศอันดับ 3
สรุป
TIDLOR AI HACKATHON พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “คน × AI” คือ ตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตสู่องค์กร 100 ปี ไม่ใช่แค่เพราะปริมาณงานที่เรานำเทคโนโลยีมาปรับใช้ แต่เพราะ บมจ. เงินติดล้อ ลงมือ “บ่มเพาะ Mindset ที่ส่งเสริมนวัตกรรมและการทำจริง” ด้วยค่านิยมกระหายเรียนรู้ และ กล้าคิดกล้าลอง เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง จนทำให้ชาวเงินติดล้อทุกสายงานไม่ว่าจะเป็น IT หรือ Non-IT ทำงานร่วมกันกับ AI ในบทบาทตัวเร่งนวัตกรรม สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องและวัดได้ พร้อมการกำกับดูแลที่โปร่งใส นี่แหละคือวิธีที่บมจ. เงินติดล้อ ใช้เพื่อสร้างการเติบโตยั่งยืน และเดินหน้าไปถึงเป้าหมาย “องค์กร 100 ปี” อย่างยั่งยืนและความหมาย