ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา... การวัดความสำเร็จด้วยตัวเลขอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่คนทำงานยุคนี้มองหาจริงๆ ไม่ใช่แค่เงินเดือนหรือตำแหน่ง แต่มันคือ "โอกาส" ที่จะดึงศักยภาพในตัวเองออกมา เพื่อเติบโตต่อเนื่องและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ที่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่ม Tidlor Holdings หรือ TIDLOR เราเชื่อว่าทุกคนมีพลังที่ซ่อนอยู่ เราจึงตั้งใจสร้างพื้นที่ให้ทุกคนได้ลอง ได้ล้ม ได้ลุก และเรียนรู้ไปด้วยกัน เพราะเมื่อคนได้รับโอกาส ศักยภาพที่แท้จริงจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จทั้งของทีม องค์กร และสังคม
และนี่คือเบื้องหลังการสร้าง "องค์กรแห่งโอกาสและความสุข" ที่ปลดล็อกพลังของคน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
กระหายเรียนรู้ × กล้าคิด กล้าลอง สู่การปลดล็อกศักยภาพ
ท่ามกลางกระแส upskill/reskill ที่ทุกองค์กรต้องเร่งปรับตัว เงินติดล้อเชื่อในพลังของค่านิยม “กระหายเรียนรู้” และ “กล้าคิด กล้าลอง” ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทำให้ชาวเงินติดล้อพัฒนาทักษะจากหน้างานจริง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า เร็วกว่า และแม่นยำกว่า เพื่อส่งต่อบริการที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงทั้งแหล่งเงินทุนและความคุ้มครองประกันภัย ได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุม บรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกันนี้ทำให้ชาวเงินติดล้อเติบโตไปพร้อมกัน คิดค้นนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง และปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
ปลดล็อกการเรียนรู้ เพราะการทำงานคือห้องเรียนที่ดีที่สุด
เงินติดล้อยังให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาตัวเองอย่างหลากหลาย เพราะเราเข้าใจว่าการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเข้าห้องอบรมหรือฟังบรรยาย แต่คือการ “ได้คิดและลงมือทำ” และได้แลกเปลี่ยนบทเรียนจากประสบการณ์ตรง โดยในปีที่ผ่านมา พนักงานแต่ละคนใช้เวลาในการอบรมทักษะที่จำเป็นต่อเส้นทางอาชีพ พร้อมเสริมสร้างทักษะเพื่อเชื่อมโยงภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งค่าเฉลี่ยเวลาในการเรียนรู้ต่อคนสูงเฉลี่ยถึง 25.75 ชั่วโมงต่อปี ชี้ให้เห็นว่าองค์กรมีการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพคนอย่างต่อเนื่อง และพนักงานเองก็มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง สะท้อนให้เห็นว่าทั้งคนและองค์กรจะเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

และเพราะเราเชื่อว่า “ทุกวันที่ทำงาน คือโอกาสในการพัฒนา” เงินติดล้อจึงออกแบบระบบการเรียนรู้ที่สอดแทรกอยู่ในทุกขั้นตอนของการทำงาน ตั้งแต่การมีหัวหน้าที่ทำหน้าที่เป็น “โค้ช” มากกว่า “ผู้สั่งงาน” การให้พื้นที่พนักงานได้ “ลองทำจริง” ไปจนถึงการมีระบบติดตามผลที่มีกว่า 85 โครงการ ที่ได้จากการเรียนรู้และพัฒนาจากพนักงาน และนำไปปรับใช้จริง เพื่อช่วยลดเวลาการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ต่อยอดให้เรียนรู้จากความสำเร็จและข้อผิดพลาดได้จริง เพราะที่เงินติดล้อ “งาน” และ “การเรียนรู้” คือสิ่งที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และจากแนวคิดนี้ เราต่อยอดเป็นแนวทางการพัฒนาทักษะที่ชัดเจนและวัดผลได้
Upskill & Reskill ปลดล็อกศักยภาพผ่านสถาบันระดับโลก
เพื่อให้ชาวเงินติดล้อก้าวทันทุกความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและโลกธุรกิจ เราสนับสนุนการปลดล็อกมุมมองใหม่ๆ ทั้งภายในและภายนอก รวมถึง พาไปเห็นของจริงที่องค์กรระดับโลกอย่าง Alibaba, Zappos, Disney, Boulder, Huawei มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกอย่าง Michigan, Harvard, Stamford รวมถึงสถาบัน เช่น RISE, Skooldio, Sauce Skills และอีกมากมาย


สิ่งสำคัญคือ โอกาสเหล่านี้ “ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้บริหาร” แต่เปิดกว้างสำหรับพนักงานทุกสายงาน ทุกระดับ เราสนับสนุนชาวเงินติดล้อกว่า 100 คนให้ไปร่วมเรียนรู้ใน 8 ประเทศทั่วโลก แล้วกลับมาถ่ายทอดต่อให้ทีมนำไอเดียมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทจริงของเราเอง จนกลายเป็นแนวทางทำงานใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ลูกค้าในทุกพื้นที่
Upskill และ Reskill ของเงินติดล้อไม่ได้หยุดอยู่ที่การไปอบรม แต่คือการ “ลงมือทำจริง” คือ สนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่ออนาคต ทั้งด้านดิจิทัลและข้อมูล (Data & AI, Automation), ทักษะการบริการและความเข้าใจลูกค้าเชิงลึก, ทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์และการแก้ปัญหา รวมถึงการเปิดโอกาสให้ได้ทำโปรเจกต์จริง เพื่อให้พนักงานได้ลอง ล้มได้ เรียนรู้ได้ ภายใต้คำแนะนำของพี่ๆ ผู้บริหาร เมื่อคนเติบโตจากประสบการณ์จริง องค์กรก็พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและไม่หยุดนิ่ง
TIDLOR AI Hackathon ปลดล็อกด้วย "License to Fail"
เมื่อการนำเทคโนโลยีมาใช้กลายเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหา “ความคุ้มค่า” และ “วัดผลลัพธ์จริง” จากนวัตกรรมที่สร้างขึ้น ผู้บริหารของเงินติดล้อจึงได้เปิดพื้นที่ให้พนักงาน “กล้าลองอย่างมีเป้าหมาย” ผ่านกิจกรรม TIDLOR AI Hackathon ด้วยแนวคิด “License to Fail” เชื่อมโยงชาวเงินติดล้อกว่า 70 คน เพื่อทดลองทำจริง คิดไอเดียออกมากว่า 140 ไอเดียในการนำ AI มาปรับใช้ บนหลักการ
- Desirability – ลูกค้าหรือผู้ใช้งานต้องการจริงหรือไม่
- Viability – ความคุ้มค่าในการนำไปใช้ในธุรกิจ
- Feasibility – ใช้เทคโนโลยีที่ทำจริงได้หรือไม่
ทั้งยังเปิดโอกาสให้ทุกทีมที่สมัครได้มีพื้นที่ในเรียนรู้ เพิ่มพูนทักษะเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ที่อยากทำ มี Sandbox หรือ พื้นที่ในการลองคิด ลองทำจริง พร้อมทั้งการทำงานร่วมกับ Mentor ที่คอยให้คำแนะนำจากหลากหลายมุมมองและช่วยประเมินความเป็นไปได้จริงของโปรเจกต์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้โปรเจกต์สามารถขยายผล (Scale Up) และนำไปใช้ได้จริงในองค์กร

หลายๆ ไอเดียจากเวทีนี้ก็ได้รับการพัฒนาให้เป็นระบบที่นำมาใช้งานจริงในองค์กร เช่น
- AI Agent เลือกใช้ OCR Engine อัตโนมัติ ให้เหมาะกับเอกสารแต่ละประเภท
- ตัวช่วยแนะนำบทสนทนา (Conversation Assist) เพื่อเพิ่มโอกาสปิดการขายสินเชื่อ/ประกันทางโทรศัพท์
- Chat Commerce ที่ตอบคำถามลูกค้าและช่วยปิดการขายได้แม่นยำขึ้น
AI Gangster Community: ปลดล็อกศักยภาพร่วมกัน
เพื่อสร้าง Learning Ecosystem (ระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้) ในองค์กรให้ครอบคลุมและรอบด้าน AI Community จึงถูกจัดตั้งขึ้นเป็นพื้นที่ให้พนักงานทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกับ AI Gangster ซึ่งคือกลุ่มพนักงานที่มีความรู้ ความสนใจ และความถนัดด้านเทคโนโลยี AI ที่อาสามาเป็น "โค้ช" และทีมซัพพอร์ตคอยให้คำปรึกษาแก่เพื่อนพนักงานที่สนใจพัฒนาทักษะด้าน AI เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง

การเรียนรู้และการพัฒนาขององค์กรนี้จึงขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งการเรียนรู้และแบ่งปันโอกาสให้กับเพื่อนร่วมงานและพาองค์กรเติบโตไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ดูแลครบมิติ...เพราะการปลดล็อกศักยภาพเริ่มจากการมีพลังที่พร้อมทุกด้าน
การปลดล็อกศักยภาพที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากพนักงานไม่มีพื้นฐานความพร้อม ทั้งด้านร่างกายที่แข็งแรงใจที่สมดุล ฐานะการเงินที่มั่นคง และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เงินติดล้อจึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาวะ (Wellbeing) เพื่อให้พนักงานมีพลังเต็มที่และสามารถโฟกัสกับการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เราดูแลพนักงานใน 4 มิติหลัก
- สุขภาพกายที่แข็งแรง: เราจัดให้มี Wellness Program และ NTL CLUB เพื่อให้พนักงานได้เลือกกิจกรรมตามความสนใจ ทั้งกิจกรรมออกกำลังกาย กีฬา โยคะ ซุมบ้า วิ่ง ฟุตบอล และอื่นๆ รวมถึงการจัดสวัสดิการ ประกันสุขภาพและการตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมการดูแลเชิงป้องกัน เช่น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดีและพร้อมเต็มร้อย
- สุขภาพใจที่สมดุล: ทุกปีเราจัดกิจกรรม Happy Time โดยเชิญนักจิตวิทยามาแบ่งปันแนวคิดในการดูแลความสุขให้กับตัวเอง รวมถึงเตรียมช่องทาง istrong และ Life Coach ให้พนักงานสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตแบบตัวต่อตัวได้อย่างเป็นส่วนตัว
- สุขภาพการเงิน: เรามีโครงการ Financial Clinic ที่มี Fin-Ed Mentor 5 รุ่น ถึง 64 คน อาสาให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการเงิน เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต จนถึงวันนี้ Fin-Ed Mentor สามารถช่วยเพื่อนพนักงานลดหนี้ได้รวมกว่า 1.6 ล้านบาท และลดดอกเบี้ยได้กว่า 180,000 บาท สะท้อนถึงความตั้งใจดูแลกันอย่างจริงใจ
- ความเท่าเทียมและ Belonging: และเพื่อให้พนักงานทุกคนรู้สึกถึงคุณค่าและความเท่าเทียม องค์กรจึงจัดให้มี “สวัสดิการประกันสุขภาพให้กับคู่สมรส LGBTQ+” ที่เท่าเทียมกับคู่สมรสชายหญิง เพื่อให้ทุกคนรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง และพร้อมเติบโตบนเส้นทางของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
ความตั้งใจที่ต่อเนื่องในการสร้างพื้นที่เรียนรู้และโอกาสเติบโต
ที่ บมจ.เงินติดล้อ เราไม่ได้ดูแลพนักงานแค่ช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง แต่ดูแลด้วยความตั้งใจที่ต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนผ่านผลสำรวจด้านวัฒนธรรมองค์กร (Culture Evaluation 2024) ว่าพนักงานมีความสุขในการทำงานในระดับสูงถึง 94% และความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของชาวเงินติดล้อสูงถึง 98%

เราเชื่อว่า “เมื่อคนมีความสุขในทุกมิติ องค์กรก็แข็งแรง” และเมื่อองค์กรลงมือสร้างโอกาสให้คนเติบโตจากงานจริง ความยั่งยืนก็เกิดขึ้นได้จริงเช่นกัน ผลลัพธ์ของแนวคิดนี้สะท้อนชัดในรางวัลระดับภูมิภาคที่เราได้รับ ได้แก่

🏆
รางวัลสวัสดิการและคุณภาพชีวิตพนักงานดีเด่น หรือ
Best Benefits, Wellness and Well-Being Program 2025 จากเวที Retail Banker International Asia Trailblazer Awards
🏆
รางวัลสุดยอดองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย หรือ
Best Companies to Work for in Asia – Thailand 2025 จากเวที HR Asia Awards
🏆
รางวัลองค์กรที่ดูแลคุณภาพชีวิตพนักงานดีเด่น หรือ
Excellence in Workplace Wellbeing 2025 จากเวที HR Excellence Awards
รางวัลทั้งหมดที่ได้รับจึงไม่ใช่แค่ชื่อเสียงขององค์กร แต่เป็นหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่า บมจ. เงินติดล้อลงมือทำจริงกับเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตั้งแต่การเปิดโอกาสให้คนได้เรียนรู้จากงานจริง เสริมสร้างทักษะใหม่ ดูแลสุขภาวะรอบด้าน ไปจนถึงการปลดล็อกพื้นที่ให้กล้าลองและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อว่าเมื่อการเรียนรู้ของคนไม่หยุด องค์กรก็สามารถเดินหน้าอย่างแข็งแรงและยั่งยืนได้จริง