ในภาวะเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์เงินเดือนที่รายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น หรือ เจ้าของกิจการร้านค้าที่กำลังหมุนเงินอย่างหนัก ทำให้หลายคนเผชิญกับปัญหา “ผ่อนรถไม่ไหว” จนเกิดคำถามว่าจะคืนรถให้ไฟแนนซ์ได้ไหม แล้วจะจบหนี้จริงหรือเปล่า เพราะกลัวจะมีภาระหนี้สินตามมาทีหลัง บทความนี้ เงินติดล้อจะมาไขทุกข้อสงสัย พร้อมแนะขั้นตอนการคืนรถที่ถูกวิธี เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบที่สุดครับ
คืนรถให้ไฟแนนซ์ คืออะไร ต่างจากการโดนยึดรถยังไง?
ก่อนจะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจความหมายของสองคำนี้ให้ชัดเจนกันก่อนดีกว่าครับ เพราะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของกระบวนการและผลกระทบที่จะตามมา
- การคืนรถให้ไฟแนนซ์ : คือการที่ผู้เช่าซื้อเป็นฝ่ายติดต่อไปยังไฟแนนซ์โดยตรง เพื่อแสดงความจำนงขอยกเลิกสัญญาและส่งมอบรถยนต์คืนด้วยความสมัครใจ เนื่องจากประเมินสถานการณ์ทางการเงินของตนเองแล้วว่าไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อไปได้ครับ
- การโดนยึดรถ : คือกรณีที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระค่างวดเกินกำหนดตามที่สัญญาตกลงไว้ (โดยทั่วไปคือ 3 งวดติดต่อกัน) จนบริษัทไฟแนนซ์ต้องดำเนินการติดตามทวงถามและดำเนินการยึดรถกลับคืน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประวัติข้อมูลทางการเงินมากกว่าการนำรถไปคืนเองครับ
คืนรถให้ไฟแนนซ์แล้วจบไหม ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มหรือเปล่า?
นี่คือคำถามสำคัญที่หลายคนกังวลใจมากที่สุด เพราะเป้าหมายของการคืนรถคือการปลดภาระหนี้ ซึ่งการที่จะ “จบหนี้” ได้จริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสถานการณ์ในขณะที่คืนรถเป็นสำคัญ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีหลักๆ ดังนี้ครับ
1. กรณีคืนรถจบหนี้ ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง
ถือเป็นกรณีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ผ่อนรถไม่ไหว แล้วอยากจะคืนรถ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญเหล่านี้ครบถ้วน
- ไม่มีการค้างชำระค่างวด : คุณมีประวัติการชำระค่างวดที่ดีมาโดยตลอด และไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ก่อนที่จะตัดสินใจนำรถไปส่งมอบคืน
- เป็นฝ่ายนำรถไปคืนเอง : คุณต้องเป็นผู้ที่เริ่มต้นติดต่อไฟแนนซ์เพื่อแจ้งความประสงค์ และนำรถไปส่งมอบที่สำนักงานด้วยตนเอง ไม่ใช่กรณีที่ถูกติดตามทวงถามจนต้องคืน
- สภาพรถสมบูรณ์ : รถยนต์ที่นำไปคืนอยู่ในสภาพดี ไม่มีความเสียหายรุนแรง หรือมีการดัดแปลงสภาพจนทำให้มูลค่าของรถตกลงไปมาก
2. กรณีที่ยังอาจต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่าง
ในกรณีที่ไฟแนนซ์นำรถของคุณไปขายทอดตลาดแล้วได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้ที่ยังคงค้างชำระอยู่ ส่วนต่างของราคาที่ขาดไปนั้นจะกลายเป็นภาระหนี้ที่คุณยังต้องรับผิดชอบต่อไปครับ
ตัวอย่างเช่น หากคุณมียอดหนี้คงเหลือกับไฟแนนซ์ 400,000 บาท แต่ไฟแนนซ์นำรถไปขายได้ในราคา 300,000 บาท เท่ากับว่าคุณยังต้องรับผิดชอบหนี้ส่วนต่างที่เหลืออีก 100,000 บาท พร้อมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้ในสัญญา
รวม 5 ขั้นตอนคืนรถให้ไฟแนนซ์อย่างถูกวิธี ลดเสี่ยงโดนฟ้อง
เพื่อให้การคืนรถเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาหนี้สินตามมา การดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุดครับ
1. ติดต่อไฟแนนซ์เพื่อแจ้งความประสงค์
ขั้นตอนแรกคือการแสดงความจริงใจ โดยการติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ที่คุณทำสัญญาอยู่โดยตรง เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าคุณต้องการนำรถไปคืนเนื่องจากไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ พร้อมสอบถามเงื่อนไขและเอกสารที่ต้องใช้เบื้องต้น การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้กระบวนการในขั้นต่อไปง่ายขึ้นครับ
2. ตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือและเตรียมเอกสาร
ก่อนวันที่จะนำรถไปคืน ควรขอเอกสารสรุปยอดหนี้คงค้างทั้งหมดเป็นลายลักษณ์อักษรจากไฟแนนซ์ เพื่อให้ทราบภาระหนี้ที่แน่นอนของคุณ จากนั้นให้เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม เช่น สัญญาเช่าซื้อฉบับจริง บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เล่มทะเบียนรถยนต์ และใบเสร็จชำระค่างวดล่าสุด
3. เตรียมสภาพรถให้พร้อมส่งมอบ
ควรทำความสะอาดรถยนต์ทั้งภายในและภายนอกให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากมีความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถซ่อมแซมได้ก็ควรจัดการให้เรียบร้อย และที่สำคัญคือควรถ่ายรูปสภาพรถในทุกมุมเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนนำไปส่งมอบ เพื่อป้องกันข้อโต้แย้งที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังครับ
4. นัดวันส่งมอบและทำเอกสารข้อตกลง
เมื่อถึงวันนัดหมาย ควรนำรถไปส่งมอบด้วยตนเอง และควรมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพรถร่วมกับคุณ หลังจากนั้นจะต้องมีการเซ็นเอกสารส่งมอบรถคืน ซึ่งคุณควรอ่านรายละเอียดในเอกสารข้อตกลงให้ถี่ถ้วนก่อนลงนาม โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับภาระหนี้ส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้น
5. ขอหลักฐานการคืนรถและติดตามผล
หลังจากส่งมอบรถและเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมขอสำเนาหนังสือยืนยันการรับรถคืนเก็บไว้เป็นหลักฐานสำคัญ และควรติดตามผลการขายทอดตลาดจากไฟแนนซ์เป็นระยะ เพื่อให้ทราบว่ารถของคุณถูกขายไปในราคาเท่าไหร่ และคุณมีภาระหนี้ส่วนต่างที่ต้องชำระเพิ่มเติมหรือไม่
ส่งรถไม่ไหว ทําไงดี ถ้ายังอยากเก็บรถไว้ มีทางออกอื่นไหม?
ในกรณีที่คุณยังมีความจำเป็นต้องใช้รถในการทำงานหรือใช้ในชีวิตประจำวัน การคืนรถอาจยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ยังมีทางออกอื่นที่คุณสามารถพิจารณาได้เช่นกันครับ
1. ขอปรับโครงสร้างหนี้กับไฟแนนซ์เดิม
ทางเลือกแรกที่ควรลองคือการเข้าไปเจรจากับบริษัทไฟแนนซ์เดิมเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอาจเป็นการขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น เพื่อให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง หรืออาจเป็นการขอพักชำระหนี้ชั่วคราว ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินในระยะสั้นได้ครับ
2. การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือคำตอบที่ดี
สำหรับคนที่ไม่เคยรู้ว่า การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คืออะไร มันคือการย้ายสินเชื่อรถยนต์ของคุณจากสถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่เสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งจะทำให้ค่างวดต่อเดือนของคุณลดลงได้ การรีไฟแนนซ์รถยนต์จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ
3. ขายดาวน์ให้คนอื่นผ่อนต่อ
หากรถยนต์ของคุณเป็นรุ่นที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดรถมือสอง และมียอดหนี้คงเหลือไม่สูงกว่าราคาขายมากนัก การประกาศขายดาวน์เพื่อหาคนมาเปลี่ยนสัญญาและรับช่วงผ่อนต่อก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คุณปลดภาระได้ แถมยังอาจได้เงินก้อนเล็กๆ กลับมาอีกด้วยครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคืนรถให้ไฟแนนซ์
มาถึงช่วงท้าย หลายคนอาจยังมีคำถามคาใจอยู่ เงินติดล้อได้รวบรวมข้อสงสัยยอดฮิตมาตอบให้เคลียร์กันตรงนี้เลยครับ
คืนรถแล้ว มีผลเสียกับประวัติทางการเงินไหม?
การคืนรถจะส่งผลต่อประวัติทางการเงินแตกต่างกันไปครับ หากคุณนำรถไปคืนโดยที่ไม่มีประวัติค้างชำระหนี้มาก่อน ผลกระทบก็จะน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย แต่หากคุณมีการค้างชำระค่างวดหลายเดือนก่อนที่จะนำรถไปคืน ประวัติการผิดนัดชำระหนี้นั้นจะถูกบันทึกไว้ในข้อมูลประวัติทางการเงินของคุณ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคตได้ครับ
ไฟแนนซ์ไม่ยอมรับรถคืน ทำอย่างไรได้บ้าง?
ตามกฎหมายแล้ว หากผู้เช่าซื้อไม่ได้ผิดสัญญา (เช่น ไม่ได้ค้างค่างวด) และต้องการใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญาโดยการนำรถไปคืน ไฟแนนซ์ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการรับรถคืนครับ หากเกิดกรณีนี้ขึ้น คุณสามารถนำรถยนต์ไปที่สำนักงานบังคับคดีในเขตพื้นที่ และดำเนินการทำเรื่องฝากทรัพย์ พร้อมกับทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทไฟแนนซ์เพื่อเป็นหลักฐานว่าคุณได้ส่งมอบรถคืนแล้ว
คืนรถไปแล้ว แต่ยังมีหนังสือทวงหนี้ค่าส่วนต่างมาอีก ควรทำอย่างไร?
หากได้รับหนังสือทวงหนี้ค่าส่วนต่าง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการนำหลักฐานการส่งมอบรถคืนที่คุณเก็บไว้ ไปเจรจาพูดคุยกับบริษัทไฟแนนซ์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของยอดหนี้ หากตกลงกันไม่ได้ หรือพบว่ายอดหนี้ที่ถูกเรียกเก็บนั้นไม่เป็นธรรม คุณสามารถขอคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ครับ
สรุป ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถให้ไฟแนนซ์ เป็นทางออก แต่ต้องทำให้ถูกวิธี
การคืนรถให้ไฟแนนซ์ถือเป็นทางออกหนึ่งเมื่อคุณประเมินแล้วว่า ผ่อนรถไม่ไหวจริงๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและสื่อสารกับไฟแนนซ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้ส่วนต่างและป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจตามมาในระยะยาว การทำความเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด จะช่วยให้คุณผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ด้วยดีที่สุดครับ
สำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหาผ่อนรถไม่ไหว แต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้รถในการประกอบอาชีพหรือเดินทาง การขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์กับเงินติดล้อก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะช่วยให้คุณมีเงินก้อนไปเสริมสภาพคล่องทางการเงิน โดยที่ยังมีรถไว้ใช้งานได้ตามปกติ ไม่ต้องโอนเล่ม อนุมัติไว และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกสถานการณ์ครับ