หน้าแรก ติดล้อสตอรี่ Manager as Coach: บทบาทใหม่ที่ช่วยดึงศักยภาพลูกทีมได้ดีที่สุด

Manager as Coach: บทบาทใหม่ที่ช่วยดึงศักยภาพลูกทีมได้ดีที่สุด

04 กันยายน 2566
Manager as Coach: บทบาทใหม่ที่ช่วยดึงศักยภาพลูกทีมได้ดีที่สุด

ในปัจจุบันบทบาทของเหล่าหัวหน้าไม่ใช่แค่การออกคำสั่งอีกต่อไปแล้วเพราะบทบาทใหม่ที่กำลังมาแรงคือการเป็น “โค้ช” เพราะการโค้ชคือการดึงศักยภาพของสมาชิกในทีมแต่ละคนออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งบริษัท ลูกทีม และแม้แต่ตัวหัวหน้าเองในระยะยาว แล้วหัวหน้าจะทำหน้าที่เป็นโค้ชไปด้วยได้อย่างไร และต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้

แนวคิด Manager as Coach คืออะไร?

แนวคิด Manager as Coach คือแนวคิดที่หัวหน้าจะทำหน้าที่คล้ายกับโค้ช โดยกระตุ้นให้ทีมทำเป้าหมายของแต่ละโปรเจ็กต์ให้สำเร็จ มีส่วนร่วมในการพัฒนาทีม ช่วยแต่ละคนสร้างจุดแข็งและลดจุดอ่อนให้เหลือน้อยที่สุด และยังช่วยส่งเสริมให้ทีมทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขวัญกำลังใจในการทำงาน
 

ประโยชน์ของการ Coaching

พนักงานอยู่กับบริษัทนานขึ้น

การโค้ชเพื่อดึงศักยภาพของคนในทีมให้ออกมามากที่สุดเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณมองเห็นคุณค่าในตัวคนในทีม ทำให้พวกเขาเชื่อใจคุณและเคารพความคิดเห็นของคุณ ส่งผลให้พวกเขาอยากทำงานที่บริษัทนี้นานขึ้นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าคุณให้ความสำคัญกับการเติบโตทางหน้าที่การงานและความสำเร็จของพวกเขา 

ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนในทีมดีขึ้น
การ Coaching ทำให้คุณเข้าใจสมาชิกในทีมมากขึ้น คุณจะได้เรียนรู้ว่าเป้าหมายของแต่ละคนคืออะไร มีทักษะด้านไหน สนใจอะไรเป็นพิเศษ และเมื่อคุณรับฟังและช่วยให้คนในทีมพัฒนาตัวเอง พวกเขาก็จะรู้สึกไว้วางใจคุณมากขึ้น

Performance ของทีมดีขึ้น
เพราะเมื่อแต่ละคนในทีมพัฒนาตัวเอง ภาพรวมของทีมก็จะพัฒนาขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้การส่งเสริมให้คนในทีมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยังทำให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากกว่า
 

Manager จะพัฒนาตัวเองให้เป็น Coach ได้อย่างไรบ้าง?

หา Frame Work ที่เหมาะกับตัวเอง
Frame Work คือสิ่งที่ช่วยไกด์วิธีการพูดคุยกับสมาชิกในทีมเพื่อให้การสนทนามีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยตัวอย่าง Frame Work ที่ใช้กันทั่วไปคือ GROW และ AOR

Frame Work: GROW จะเหมาะกับการนัดคุยแบบ 1:1

  • Goal: อันดับแรกต้องคิดก่อนว่าต้องการได้อะไรจากบทสนทนานี้ เช่น อยากให้พนักงานเรียนรู้อะไรหรือพัฒนาส่วนไหน
  • Reality: รับฟังว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร แนวทางปัจจุบันที่ใช้อยู่ได้ผลไหม อะไรที่ดีอยู่แล้วและอะไรที่ควรปรับปรุง
  • Option: หัวหน้าและลูกทีมพิจารณาทางเลือกที่มีร่วมกัน
  • What's next: ขั้นตอนสุดท้ายคือการวางแผนว่าจะใช้วิธีการอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วน Frame Work AOR จะเหมาะกับการใช้ประเมิน Performance ในการทำงานหรือการติดตามว่ามีการพัฒนาในส่วนไหนบ้าง
  • Action: ทำอะไรไปบ้าง?
  • Observation: ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร?
  • Reflection: คิดว่ามีส่วนไหนที่ทำได้ดีและมีส่วนไหนที่ยังปรับปรุงได้?

ประเมินสมาชิกในทีม
หัวหน้าสามารถประเมินสมาชิกในทีมเพื่อปรับวิธีการโค้ชให้เหมาะสมกับแต่ละคน โดยสามารถแบ่งออกคร่าวๆ เป็น 4 ระดับ ดังนี้

  • Novice คือ พนักงานใหม่ที่ต้องการคำแนะนำในเรื่องที่สมาชิกในทีมคนอื่นๆ มองว่าง่าย แต่พวกเขามักจะเต็มใจรับฟังและเรียนรู้
  • Doer คือ พนักงานที่มักเข้าใจบทบาทหน้าที่และวิธีการทำงานอย่างกว้างๆ ถึง แต่อาจต้องการคำแนะนำเป็นครั้งคราวสำหรับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • Performer คือ พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี มักจะทำงานได้เกินความคาดหมายของหัวหน้าไม่ค่อยทำงานพลาด และสามารถปรับปรุงตนเองได้แม้ได้รับคำแนะนำเพียงเล็กน้อย
  • Master คือ พนักงานที่มีความรู้และประสบการณ์สูงในสายงานของตน และสามารถทำงานได้เร็วกว่าคนอื่นและทำงานที่ท้าทายมากกว่าคนอื่นได้ พนักงานเหล่านี้สามารถเป็นทั้งครูและโค้ชที่ยอดเยี่ยมและเป็นทรัพยากรที่มีค่าในทีม
ถามคำถาม
ถามคำถามปลายเปิด เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกในทีมให้คำตอบที่จริงใจและรอบคอบเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานของตัวเองที่รวมถึงการบอกเล่าจุดแข็งและจุดอ่อน หัวหน้ายังสามารถใช้การสนทนาเหล่านี้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในทีมได้อีกด้วย

ตั้งใจฟัง
พยายามสนับสนุนให้สมาชิกในทีมให้ฟีดแบ็กอย่างตรงไปตรงมาแล้วใช้ทักษะ Active Listening หรือการฟังโดยพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไปด้วย เพื่อเป็นการส่งเสริมความไว้วางใจให้เกิดขึ้นภายในทีมทำให้ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น



ให้กำลังใจและ Empower สมาชิกในทีม
ส่งเสริมให้สมาชิกในทีมเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองและโอบรับโอกาสในการเติบโตที่เข้ามา สนับสนุนให้พวกเขาพัฒนาทักษะของตัวเองและให้โอกาสพวกเขาได้ลองตัดสินใจด้วยตัวเองเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณเชื่อใจพวกเขา
 
สรุป
Coaching เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้นำและหัวหน้าเพราะนอกจากจะทำให้ผลงานในภาพรวมดูดีขึ้นแล้วการโค้ชยังช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับสมาชิกในทีมแน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย เพราะความสัมพันธ์ที่เกิดจากการโค้ชคือความสัมพันธ์ที่เกิดจากการที่ต่างฝ่ายต่างก็ให้ความไว้วางใจและเคารพซึ่งกันและกัน
 
หากใครต้องการเรียนรู้แนวคิดการปลุกปั้น Leadership ในสไตล์เงินติดล้อเพื่อขับเคลื่อนองค์กร สามารถมาเข้าร่วม TIDLOR Culture Wow และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องค่านิยมกับพวกเราสิ! สนใจติดต่อ 02-792-1990 หรือกรอกข้อมูลที่นี่เพื่อรอการติดต่อกลับจาก Culture Gangster

ที่มา:
https://ca.indeed.com/career-advice/career-development/manager-as-coach https://www.zavvy.io/blog/manager-as-coach#strong%F0%9F%92%AA-5-step-system-to-help-your-managers-become-effective-coachesstrong
 
เงินติดล้อ

ติดล้อสตอรี่โดย

เงินติดล้อ

ผู้มุ่งหวังให้สังคมไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น