บัญชีรายรับรายจ่ายถือว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้ การวางแผนการเงิน มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณมีวินัยในการใช้จ่ายที่ดีขึ้นอีกด้วยครับ
สำหรับใครที่ทำรายรับรายจ่ายมาแล้วทั้งปี วันนี้เงินติดล้อจะชวนคุณมาสำรวจกันว่า รายรับรายปีที่แล้วบอกอะไรเราบ้าง และถ้าปีนี้ถ้าอยากรวยทั้งปีต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง โดยใช้เทคนิควางแผนการเงินส่วนบุคคล !
รายรับทั้งปี มีอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นให้คุณลองนำรายรับทั้งหมดที่บันทึกทั้งปีมาจัดเป็นหมวดหมู่ก่อนว่า รวมทั้งปีเรามีรายรับจากอะไรเท่าไหร่ จากนั้นให้นำรายการรายรับมาจัดประเภท โดยรายรับจะสามารถแบ่งได้หลักๆ เป็น 2 ประเภทดังนี้
-
รายรับจากทำงาน
รายรับจากทำงาน หรือ Active Income เป็นรายได้ที่มาจากการทำงาน โดยใช้แรงกาย, สมอง และเวลา แลกมาเป็นผลตอบแทนแบบเป็นรูปธรรม พูดง่าย ๆ คือ ยิ่งทำ ยิ่งขยัน จะยิ่งมีรายรับประเภทนี้เพิ่มขึ้น
ข้อดี รายได้ประเภทนี้จะมีความมั่นคง และได้ผลตอบแทนรวดเร็ว รวมถึงยิ่งถ้าเราทำงานมากขึ้น ความเชี่ยวชาญกับทักษะก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ข้อเสีย เมื่อเราหยุดทำงาน เราก็จะไม่มีรายรับ และบางอาชีพเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือสุขภาพไม่ดีก็มีโอกาสที่วันหนึ่งเราจะไม่มีรายรับได้
ตัวอย่างของรายรับแบบ Active Income จะมีหลายรูปแบบ เช่น เงินเดือน, ค่านายหน้า, ค่ารับจ้าง หรือ กำไรจากการขาย
-
รายรับจากสินทรัพย์
รายรับจากสินทรัพย์ หรือ Passive Income รายรับแบบนี้จะมาจากการลงทุน ลงแรงและใช้เวลาในช่วงเวลาหนึ่งสร้างทรัพย์สิน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในระยะยาว โดยที่หยุดทำงานแล้วยังมีรายรับเข้ามาอยู่
ข้อดี Passive Income จะไม่มีเพดานรายได้ ช่องทางรายรับจึงสามารถเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ก็ได้ มีความเป็นอิสระมากขึ้น วันไหนป่วย หรือหยุดทำงานก็มีรายได้เข้ามาอยู่ แถมยังส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้อีกด้วย
ข้อเสีย กว่าจะสร้างทรัพย์สินได้นั้นอาจต้องใช้เวลานาน และทุนค่อนข้างมาก รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนและไม่ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง
ตัวอย่างของรายรับแบบ Passive Income มักจะเป็นรายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทำงาน เช่น เงินปันผลจากการลงทุนหุ้นหรือกองทุน, ค่าเช่าต่าง ๆ , ค่าลิขสิทธิ์ หรือค่าแฟรนไชส์
รายจ่ายทั้งปี มีอะไรบ้าง?
หลังจากที่สำรวจรายรับทั้งปีกันไปแล้ว เราจะไปดูส่วนของรายจ่ายกันบ้าง รายการรายจ่ายในชีวิตประจำวันจะมีเยอะมาก แต่หลัก ๆ แล้วจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทครับ
-
รายจ่ายแบบคงที่
รายจ่ายประเภทนี้จะเป็นอะไรที่เราจ่ายอยู่แล้ว ต้องจ่ายทุกเดือน หรือจ่ายทุกวัน เช่น ค่าหนี้บ้าน, หนี้รถ, ประกันสังคม, ประกันสุขภาพ หรือค่าเช่าบ้าน ซึ่งรายจ่ายคงที่จะปรับลดค่อนข้างยาก
แต่ก็มีบางตัวที่สามารถปรับลดได้ เช่น ลดดอกเบี้ยรถและยอดผ่อนด้วยการ รีไฟแนนซ์รถ หรือเปลี่ยนไปเลือก ประกันอุบัติเหตุ ที่จ่ายค่าเบี้ยคุ้มกว่า
-
รายจ่ายแบบแปรผัน
สังเกตง่ายๆรายจ่ายแปรผันจะเป็นรายจ่ายที่ ยิ่งใช้ ยิ่งซื้อ ยิ่งต้องจ่าย โดยส่วนมากมักจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำค่าไฟ, ค่ากิน, ค่าเที่ยว, ค่าเดินทาง หรือค่าช้อปปิ้ง
รายจ่ายแปรผันสามารถลดได้ง่ายมากๆ โดยการประหยัด ใช้ของให้คุ้มค่า ลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ “ไม่จำเป็น” ลองสำรวจในบัญชีรายรับรายจ่ายของคุณดู ว่ามีรายจ่ายรายการไหนที่ไม่จำเป็นบ้าง
-
รายจ่ายเพื่อการออมหรือการลงทุน
รายจ่ายประเภทนี้ถือเป็นรายจ่ายที่ดี เพราะเป็นการจ่ายเงินให้กับอนาคต เพื่อให้มีความมั่งคั่ง หรือมีรายรับแบบ passive income มากขึ้น ยิ่งมีรายจ่ายส่วนนี้มากเท่าไหร่ยิ่งดี เช่น เงินฝากประจำ, ลงทุนในหุ้น หรือประกันออมทรัพย์
นอกจากในเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์แล้ว การลงทุนกับตัวเอง ก็ถือว่าเป็นรายจ่ายเพื่อการออมหรือการลงทุนด้วย เช่น เรียนเพิ่มพัฒนาทักษะ เพื่อให้ได้เงินเดือนเพิ่ม หรือออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
วางแผนการเงิน ด้วยรายรับรายจ่าย
เมื่อสำรวจรายรับรายจ่ายทั้งปีกันไปแล้ว เราสามารถนำรายรับรายจ่ายแต่ละประเภทมาวางแผนการเงินส่วนบุคคล โดยใช้อัตราส่วนการเงินส่วนบุคคลดังนี้
อัตราส่วนความอยู่รอด
อัตราส่วนความอยู่รอด = (รายได้จากการทำงาน + รายได้จากทรัพย์สิน) ÷ รายจ่ายรวม
ก่อนจะรวยก็ต้องอยู่รอดให้ได้ก่อนครับ สำหรับอัตราส่วนความอยู่รอด หรือ survival ratio จะคิดจากรายได้หารด้วยรายจ่ายรวม
ถ้าคำนวณแล้วได้ค่ามากกว่า 1 แสดงว่าสามารถอยู่รอดได้ และถ้าได้ค่าน้อยกว่า 1 ควรเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่นๆ หรือลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้
อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ = รายจ่ายชำระหนี้ ÷ รายได้รวม
อัตราส่วนนี้จะบอกว่า รายได้ของคุณจะสามารถจ่ายหนี้ได้เท่าไหร่ โดยค่าที่คิดได้ไม่ควรเกิน 0.4 หรือยิ่งน้อยยิ่งดี ซึ่งจะหมายถึงไม่ควรมีหนี้ที่ต้องชำระเกิน 40% ของรายได้
อัตราส่วนการออมและการลงทุน
อัตราส่วนการออมและการลงทุน = รายจ่ายการออมและการลงทุน ÷ รายได้รวม
เป็นการแสดงถึงสัดส่วนการออมและการลงทุนต่อรายได้ ซึ่งจะเป็นจ่ายเพื่อสร้างสินทรัพย์หรือเพื่ออนาคต โดยอัตราส่วนนี้ควรมากกว่า 0.1 หรือควรออมและลงทุนมากกว่า 10% ของรายได้
อัตราส่วนความมั่งคั่ง
อัตราส่วนความมั่งคั่ง = รายได้จากสินทรัพย์ ÷ รายจ่าย
สำหรับใครที่อยากมีรายรับแบบ Passive Income สามารถดูได้จากอัตราส่วนความมั่งคั่ง โดยถ้าคำนวณได้ค่ามากกว่า 1 หรือรายได้จากสินทรัพย์สามารถครอบคลุมรายจ่ายทั้งหมดได้ จะหมายความว่าคุณมีความมั่งคั่ง และมีอิสระทางการเงิน
สรุป
รายรับรายจ่ายของปีก่อนๆ สามารถช่วยคุณวางแผนการเงินในปีนี้ได้ โดยการแบ่งประเภทรายรับรายจ่ายออกมาเป็นหมวดหมู่ แล้วนำไปคำนวณอัตราส่วนทางการเงิน เพื่อให้ทราบสถานะการเงินของตัวเอง จากนั้นให้นำมาคิดดูว่า ควรเพิ่มรายรับส่วนไหน และลดรายจ่ายส่วนไหน
และถ้าไม่อยากเสียรายจ่ายไปกับค่ารักษาพยาบาลแพงๆ อย่าลืมป้องกันความเสี่ยงด้วยประกันอุบัติเหตุด้วยนะครับ