สูตร(ไม่)ลับ! สร้างแบรนด์ของตัวเองยังไงดีให้ยืนหนึ่งในปฐพี

ความเดิมตอนที่แล้วเงินติดล้อได้แนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับการมองหาต้นทุนในการทำธุรกิจ ทำธุรกิจแบบไหนดีทำยังไงให้ธุรกิจที่สร้างต่างจากคนอื่น หรือวิธีหากลุ่มเป้าหมายตัวจริงของธุรกิจว่าเป็นใครไปแล้ว ซึ่งในตอนที่ 7 เงินติดล้อจะชวนคุณมาเจาะลึกเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่โดดเด่นและน่าจดจำด้วยการใช้อัตลักษณ์ (Brand Indentity) เป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้น การสร้างแบรนด์ของตัวเองต้องเริ่มยังไง มีอะไรที่สำคัญบ้าง สิ่งไหนควรมี สิ่งไหนไม่ควรมีบ้างนั้น ถ้าพร้อมแล้วก็มาลุยกันเลยดีกว่า

แต่ก่อนจะไปติดตามเรื่องการสร้างแบรนด์ หากใครชอบฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจที่ทั้งได้ความรู้ และความสนุก อย่าลืมติดตามธุรกิจติดล้อได้ทุกเดือนผ่านทาง Spotify และ Podbean นะครับ

ผู้ดำเนินรายการ

• คุณประเสริฐศักดิ์ แก้วสง่า (Digital Copywriter)
• คุณอนามิกา พิภัชอนันต์ (Digital Content Marketing)

การสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วยอัตลักษณ์​ (Identity) คืออะไร?

หลายคนอาจไม่เข้าใจหากพูดถึงคำว่าอัตลักษณ์ ถ้าแปลง่ายๆ ก็คือ “ตัวตนของแบรนด์” ที่ทำให้ลูกค้าจดจำคุณได้ว่าเป็นใคร โดยตัวตนของแบรนด์สามารถสร้างสรรค์ออกมาได้หลายรูปแบบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อแบรนด์ โลโก้แบรนด์ หรือสโลแกน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณจำแบรนด์ได้ในแวบแรก ดังนั้น การจะสร้างแบรนด์ของตัวเองเลยจำเป็นมากที่จะทำให้โดดเด่นกว่าเจ้าอื่นๆ ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีต่อไปนี้

วิธีสร้างแบรนด์ของตัวเองให้ปังคือชื่อแบรนด์ต้องดี!

การตั้งชื่อเป็นการระบุตัวตนในเบื้องต้นว่าแบรนด์ที่คุณกำลังสร้างเป็นใคร แต่ถ้าจะมาตั้งชื่อร้านค้าหรือคิดสโลแกนแบบธรรมดาก็อาจจะถูกร้านค้าออนไลน์อื่นๆ กลืนกินได้ ดังนั้น เพื่อความโดดเด่นกว่าใคร เรามาดูกันว่าควรตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์​ และใช้สโลแกนร้านค้ายังไงให้แปลกหูและติดตามากกว่าร้านค้าอื่นๆ

• สมมติว่ามีร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งอยู่ติดกัน 2 ร้าน ขายอาหารเหมือนกัน รสชาติเหมือนกัน ร้านแรกตั้งชื่อร้านค้าว่า “ร้านก๋วยเตี๋ยว นาย ก.” อีกร้านหนึ่ง “ร้านเตี๋ยวหมดชาม”​ แน่นอนว่าร้านที่ 2 ชื่อร้านค้าโดดเด่นและดึงดูดมากกว่าอยู่แล้ว ทั้งนี้ การตั้งชื่อร้านค้าก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม ไม่พาดพิง หรือทำให้คนเข้าใจผิดเป็นอย่างด้วยนะครับ
• สำหรับการตั้งสโลแกนร้านค้าก็เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยทำให้ร้านค้าโดดเด่นขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง แถมยังทำให้ลูกค้าเข้าใจมากขึ้นว่าแบรนด์ที่คุณสร้างขึ้นมานั้นคืออะไร ซึ่งการตั้งสโลแกนร้านค้าไม่จำเป็นต้องคล้องจองหรือยาวมากก็ได้ ขอแค่ให้สื่อสารให้รู้เรื่องและจูงใจลูกค้าได้ก็พอ เช่น ร้านเตี๋ยวหมดชาม : อร่อยไม่ต้องปรุงให้ยุ่งยาก หรืออาหารฮาลาล ทานได้ทุกคน

สร้างแบรนด์ให้ดึงดูดคือออกแบบโลโก้แบรนด์ให้น่าสนใจ

อยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองแค่ขั้นตอนเดียวยังไม่จบ เพราะหลังจากที่คิดชื่อร้านค้าและสโลแกนแบรนด์ไปแล้ว ลำดับถัดไปคือการสร้างโลโก้แบรนด์ ซึ่งโลโก้แบรนด์คือเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่ระบุตัวตนของแบรนด์ได้ชัดเจนที่สุด และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ วิธีการสร้างโลโก้แบรนด์นั้นคุณต้องตกผลึกด้วยว่าอยากให้มีข้อมูลอะไรบ้าง ถ้าไม่นับชื่อแบรนด์ก็จะประกอบไปด้วย

• สโลแกนแบรนด์ : อาจจะใส่ก็ได้หรือไม่ใส่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณและความเหมาะสม
• มาสค็อตหรือคาแรคเตอร์ : ตัวแทนของแบรนด์ที่จะเป็นภาพจำ ซึ่งถ้าคิดไม่ออกเลยก็สามารถนำสินค้าที่คุณต้องการสร้างแบรนด์มาออกแบบได้ เช่น หากสิ่งที่คุณขายคือก๋วยเตี๋ยว ก็เป็นรูปชาม หน้าคน หรือเส้น
• ที่มาของร้าน : ปกติเวลาจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง เช่น แบรนด์เสื้อผ้า ของกิน เครื่องสำอาง ต่างก็ต้องมีที่มาอยู่แล้ว คุณสามารถนำไอเดียนี้ไปใช้ในโลโก้แบรนด์ได้ เช่น สูตรก๋วยเตี๋ยวนี้เป็นของคุณยายที่ริเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 หรือ ค.ศ. 1990 คุณก็สามารถใส่ในโลโก้แบรนด์ว่า “since 1990” ได้เลย

สร้างแบรนด์ของตัวเองให้มีมูลค่าต้องเลือกฟอนต์ที่สะท้อนตัวตน

ฟอนต์แต่ละแบบก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งฟอนต์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบมีหาง (Serif Font) ที่ให้ความเป็นทางการมากๆ เมื่อเห็นแล้วจะรู้สึกน่าเชื่อถือ ดูเก่าแก่ โดยตัวอย่างที่ชัดมากๆ ของฟอนต์มีหางคือ Time New Roman, Source Serif, Garamon และฟอนต์แบบไม่มีหาง (San-Serif Font) ที่เป็นฟอนต์ออกแนวทันสมัยหัวใจคนยุคใหม่ มีความคมชัดหางไม่ตวัดไปมา เช่น Arial, Open Sans, Helvetica สรุปว่าถ้าคุณอยากสร้างแบรนด์ของตัวเองให้ทันสมัยหรือเก่าแก่ก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการเลย เลือกฟอนต์ดีก็จะช่วยให้แบรนด์ดูมีมูลค่ามากขึ้น

สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยการใช้สีแบรนด์เสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจ

การทำธุรกิจให้ปังหรือยืนหนึ่งกว่าร้านค้าออนไลน์อื่นๆ ไม่ได้อาศัยแค่ความรู้หรือความเข้าใจในตัวสินค้าและความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ในฐานะที่คุณเป็นผู้สร้างแบรนด์ก็คงอยากสร้างความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วย โดยวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือการใช้สีกับแบรนด์ (Color)

จากการเก็บข้อมูลพบว่าผู้บริโภคมากกว่า 93% ตัดสินใจซื้อสินค้าจากภาพลักษณ์ และอีก 84% เห็นว่าสีเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกซื้อสินค้า ถ้าคุณลองสังเกตให้ดีจะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ขึ้นห้างหรือแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาเองก็ที่แม้จะต่างกันแค่สีแต่คนก็เลือกซื้อ เพราะสีมีผลต่อความรู้สึกและนำไปสู่การซื้อนั่นเอง

แต่ในขั้นตอนเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ด้วยตัวเอง คุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับป้ายร้านค้า ป้ายบริษัท เมนู สื่อสิ่งพิมพ์ แบนเนอร์ เว็บไซต์ก่อนก็ได้ หมายความว่าการใช้สีสำคัญไม่แพ้ชื่อแบรนด์หรือบริการในการขายเลย ซึ่งแต่ละสีมีความหมายอย่างไร และเหมาะกับธุรกิจอะไรบ้างนั้น สามารถแจกแจงได้ ดังนี้

• สีแดง สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงพลังงาน ความหิว กระตือรือร้น ความเร็ว ความตื่นเต้น ซึ่งเหมาะกับธุรกิจประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ฟิตเนส ของเล่น หรือความบันเทิง
• สีส้ม สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงความขี้เล่น กระตือรือร้น สนุกสนาน สร้างสรรค์ และเป็นกันเอง เหมาะกับธุรกิจประเภทร้านอาหาร เครื่องดื่ม คาเฟ่ ท่องเที่ยว อุปกรณ์กีฬา ที่พัก หรือโฮมสเตย์
• สีเหลือง สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่น สดใส ร่าเริง อารมณ์ดี สว่างไสว และมองโลกในแง่ดี เหมาะกับธุรกิจประเภทของเล่นเด็ก ของใช้ อาหาร หรือท่องเที่ยว
• สีเขียว สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงความผ่อนคลาย สบายใจ ธรรมชาติ สดชื่น สดใหม่ และออร์แกนิค เหมาะกับธุรกิจประเภทสุขภาพ อาหารคลีน ยา การแพทย์ สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์
• สีฟ้าหรือน้ำเงิน สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงสมดุล สงบ การสื่อสาร เชื่อมัน เชื่อถือ และรับผิดชอบ เหมาะกับธุรกิจประเภทการพูด การสอน เทคโนโลยี เครื่องดื่ม สินค้าบริโภค การเงิน และธนาคาร
• สีม่วง สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงความปราดเปรื่อง มีราคา ล้ำค่า มั่งคั่ง ความรอบรู้ และเฉลียวฉลาด เหมาะกับธุรกิจประเภทการศึกษา หรือธุรกิจความหรูหรา เช่น อัญมณี และการบริการแบบ Hi-End
• สีดำ สำหรับธุรกิจให้ความรู้สึกถึงความสง่า สุขุม ภูมิฐาน หรูหรา น่าค้นหา เท่ และอำนาจ เหมาะกับธุรกิจประเภทแฟชั่น อัญมณี การเงิน อสังหาริมทรัพย์​และเทคโนโลยี

อยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองจะหาเงินทุนทำธุรกิจที่ไหนดี?

อ่านถึงตรงนี้คงรู้กันแล้วว่าถ้าอยากจะเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองต้องทำยังไงบ้าง แต่ก็เริ่มไม่ได้สักทีเพราะคุณไม่มีเงินทุนมากพอในการเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ต้องคิดมาก! เพราะคุณสามารถมาใช้บริการกู้สินเชื่อเพื่อทำธุรกิจกับเงินติดล้อได้เลยนะครับ เพราะเงินติดล้ออยากสนับสนุนให้ฝันคุณเป็นจริง

คุณสามารถขอสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์สำหรับธุรกิจที่ต้องการเงินทุนไม่มาก หรือสินเชื่อทะเบียนรถเก๋งและกระบะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเงินก้อนโตได้เลย ข้อดีก็คือคุณจะได้ทั้งเงินก้อนและได้บัตรติดล้อที่สามารถกดหรือถอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านตู้ ATM แค่นี้คุณก็มีเงินทุนไปสร้างแบรนด์ของตัวเองแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชัน “เงินติดล้อ” ที่คุณสามารถดูบิล จ่ายบิล หรือเข้าไปจัดการบัตรติดล้อของคุณได้อีกด้วย และที่สำคัญคือ “แลกแต้มหรือแลกของรางวัลมาก” เช่น ไอศกรีม ขนม และโค้ดส่วนลด ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเงินติดล้อได้ทั้ง iOS และ Andriod เลยครับ

สรุป

เงินติดล้อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่กำลังอยากจะเริ่มสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง อยากมีธุรกิจให้คนจดจำนะครับ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะทำได้ เพียงแต่ต้องเรียงลำดับที่ต้องทำให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างถูกวิธีเท่านั้นเอง ซึ่งเงินติดล้อขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของธุรกิจครับ

คุณสามารถติดตาม Podcast ธุรกิจติดล้อ ได้แล้ววันนี้ที่ Spotify และ Podbean เราจะนำเรื่องราวสนุกๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจของคนยุคใหม่เพื่อสร้างรายได้เม็ดงามมาฝากคุณในทุกเดือน!