ใครกำลังจะหาซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ถือว่าผิดกฎหมายนะครับ เงินติดล้อแนะนำให้เตรียมตัวไปสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ให้เรียบร้อย สำหรับการสอบใบขับขี่จักรยานยนต์จะมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในกฎจราจร วิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย รวมถึงต้องมีทักษะในการควบคุมรถจักรยานยนต์ได้เป็นอย่างดี การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปสอบ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสอบผ่านได้มากยิ่งขึ้น และมีใบขับขี่เป็นของตัวเองถูกต้องตามกฎหมาย
ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภท
การทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถทุกคน โดยใบขับขี่จะถูกแบ่งประเภทตามลักษณะการใช้งาน เพื่อให้เหมาะสมและปลอดภัยกับผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังนี้
- ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล ใช้สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันทั่วไป ไม่ได้ใช้เพื่อการค้าหรือรับจ้าง เป็นประเภทที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน โดยใบขับขี่ชนิดนี้มีอายุการใช้งาน 5 ปี
- ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะ ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพ เช่น การขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือการใช้รถจักรยานยนต์ในการรับ-ส่งผู้โดยสารเพื่อรับสินจ้าง ซึ่งใบขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งาน 3 ปี
ขั้นตอนการทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
สำหรับใครที่สงสัยว่าการทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มีขั้นตอนยุ่งยากหรือไม่ บอกเลยว่าไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด เพียงเตรียมตัวให้พร้อมและทำตามขั้นตอนต่างๆ ของกรมการขนส่งทางบก ก็สามารถมีใบขับขี่ได้ไม่ยาก
1. อ่าน e-Book คู่มืออบรมใบขับขี่
สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื้อหาจะครอบคลุมกฎหมายจราจร ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ และเทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ในภาคทฤษฎี
2. จองคิวเพื่อไปอบรมที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน
ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือผ่านเว็บไซต์ dlt.go.th โดยเลือกเมนูประเภทงานบริการ ‘งานใบอนุญาต’ แนะนำให้จองคิวล่วงหน้า เพราะในแต่ละวันจะจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ การจองคิวจะช่วยให้การทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ของคุณสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
3. เข้าอบรมเป็นเวลา 5 ชั่วโมง
เข้าอบรมที่สำนักงานขนส่งที่จองคิวไว้ การอบรมจะเน้นให้ความรู้ด้านกฎจราจร มารยาทในการขับขี่ และการประเมินสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังวินัยจราจรให้ผู้ขับขี่ทุกคนก่อนได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์
4. สอบข้อเขียน (ภาคทฤษฎี)
เป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจผ่านระบบ E-exam ซึ่งมีข้อสอบทั้งหมด 50 ข้อ ผู้เข้าสอบจะต้องตอบให้ถูกต้องอย่างน้อย 45 ข้อ หรือ 90% จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์ หากเตรียมตัวมาจากการอ่านคู่มือเป็นอย่างดี การสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
5. สอบขับรถ (ภาคปฏิบัติ)
หลังจากผ่านภาคทฤษฎีแล้ว จะต้องทดสอบทักษะการขับขี่ในสนามสอบจริง ซึ่งประกอบด้วย 3 ท่าบังคับหลัก คือ การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร, การขับรถทรงตัวบนทางแคบ และการขับรถซิกแซกหรือเข้าโค้งรูปตัว S
6. ถ่ายรูป ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบขับขี่
เมื่อผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบเอกสาร ถ่ายรูปติดบัตร และให้คุณชำระค่าธรรมเนียมตามประเภทใบขับขี่ เพียงเท่านี้ขั้นตอนการ ทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ก็เสร็จสมบูรณ์ พร้อมรับใบขับขี่กลับบ้านได้ทันที
ทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องมีอายุกี่ปี มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
สำหรับคุณสมบัติของผู้สอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จะมีความแตกต่างกับการสอบใบขับขี่รถยนต์ในเรื่องของอายุผู้ขับขี่ ดังนี้
- มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (สำหรับการสอบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป)
- รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบรวมกันไม่เกิน 110 ลูกบาศก์เซนติเมตร
- ไม่มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
- ไม่มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
- ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
- ไม่อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
ทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์กี่บาท มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
หลายคนอาจกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำใบขับขี่ โดยค่าธรรมเนียมไม่ได้สูงอย่างที่หลายคนคิด สามารถสรุปค่าใช้จ่ายหลักๆ ได้ดังนี้
- ค่าคำขอ 5 บาท
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว 100 บาท
ทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ รวดเร็วและไม่ติดขัด ผู้ที่ต้องการขอรับใบขับขี่จะต้องเตรียมเอกสารสำคัญ 2 อย่าง ดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ มีอายุไม่เกิน 1 เดือน
แนวข้อสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2568
นอกจากการอ่าน e-Book คู่มืออบรมใบขับขี่แล้ว เงินติดล้อแนะนำให้ฝึกทำข้อสอบจากแนวข้อสอบต่อไปนี้ ลองจับเวลา ลองผิดลองถูก มีส่วนช่วยให้คุณวางแผนการทำข้อสอบในแต่ละข้อ และสามารถจดจำเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น การสอบใบขับขี่จะแบ่งออกเป็น 2 วัน วันแรกจะสอบข้อเขียน (ภาคทฤษฎี) ก่อน เมื่อผ่านเกณฑ์จึงจะสอบขับรถ (ภาคปฏิบัติ) ในวันถัดไปได้
แนวข้อสอบภาคทฤษฎี
สำหรับข้อสอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์จะเหมือนกันเลย การสอบข้อเขียน (ภาคทฤษฎี) จะมีทั้งหมด 50 ข้อ ให้เวลาในการทำ 60 นาที โดยจะต้องทำให้ได้ 45 ข้อ หรือ 90% ขึ้นไปจึงจะผ่านเกณฑ์ คุณสามารถฝึกทำข้อสอบเสมือนจริง พร้อมเฉลย ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบกได้เลย หรือจะลองอ่านแนวข้อสอบตามหมวดต่างๆ ดังนี้
แนวข้อสอบภาคปฏิบัติ
การสอบขับรถ (ภาคปฏิบัติ) สำหรับทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ จะสอบทั้งหมด 5 ท่า ดังนี้
- ขับรถจักรยานยนต์โดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
- ขับรถจักรยานยนต์ ทรงตัวบนทางแคบ ทรงตัวไว้โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นประมาณ 10 วินาที
- ขับรถจักรยานยนต์ซิกแซกเข้าโค้งแคบ รูปตัว Z ห้ามชนกรวยล้ม
- ขับรถจักรยานยนต์เข้าโค้ง รูปตัว S ห้ามชนกรวยล้ม
- ขับรถจักรยานยนต์ซิกแซก หลบสิ่งกีดขวาง
กรณีสอบไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่จะบันทึกผล และออกใบนัดสอบครั้งต่อไปให้ โดยนำใบนัดไปจองคิวทดสอบขับรถใหม่ได้
สรุปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์
การแบ่งเวลาฝึกขับรถ ฝึกทำข้อสอบล่วงหน้า ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ไม่ต้องเสียเวลาไปสอบซ้ำหลายๆ รอบ เมื่อได้ใบขับขี่มาแล้ว คุณก็จะใช้รถจักรยานยนต์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน หรือเดินทางไปทำงานได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ รถมอเตอร์ไซค์ของคุณยังสามารถนำไปขอสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์กับเงินติดล้อได้ด้วย อีกหนึ่งแหล่งเงินทุนสำรองฉุกเฉิน ที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับคุณได้ตลอดเวลา
ที่มา: DLT (กรมการขนส่งทางบก)