อย่างที่ทราบกันดีสำหรับมนุษย์เงินเดือน หรือผู้ที่มีรายได้ประจำว่าในทุกๆ ปีจะต้องมีการยื่นเสียภาษีกับกรมสรรพากร โดยในแต่ละปีสิทธิพิเศษที่ใช้ยื่นเพื่อลดหย่อนภาษีก็จะแตกต่างกันออกไป ทำให้ต้องอัปเดตใหม่กันทุกปี
ในบทความนี้ เงินติดล้อได้รวบรวมรายการลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2563 มาให้ผู้อ่านได้คำนวณก่อนทำการยื่นเรื่อง จะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยครับ
สิทธิลดหย่อนภาษี 5 กลุ่มประจำปี 2563 ที่ผู้เสียภาษีต้องรู้
โดยปกติแล้วการยื่นภาษีจะเริ่มในช่วงต้นปี แต่เนื่องจากในปีนี้เกิดวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 ทางรัฐบาลจึงขยายระยะเวลาการยื่นลดหย่อนภาษีไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563
โดยสิทธิลดหย่อนภาษีประจำปีพุทธศักราช 2563 นั้นแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม มาตรวจสอบกันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง
กลุ่มที่ 1 ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล และครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล สำหรับผู้มีเงินได้ทุกคน
ลดหย่อน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส
ลดหย่อน 60,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อน: สำหรับกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้ แต่ยื่นแสดงรายการคำนวณภาษีพร้อมกัน
- ค่าลดหย่อนบุตร (ต่อ 1 คน)
ลดหย่อน 30,000 บาท
เงื่อนไขพิเศษ: ในกรณีที่เป็นบุตรตามกฎหมายสามารถนำมาหักได้ไม่จำกัดจำนวนคน แต่หากเป็นบุตรบุญธรรม หรือมีทั้งบุตรตามกฎหมายและบุตรบุญธรรม สามารถนำมาหักได้ไม่เกิน 3 คน
เงื่อนไขการลดหย่อน: หากตั้งท้องปีนี้แต่มีกำหนดการคลอดปีหน้า ให้ลดหย่อนตามปีที่ใช้สิทธิ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่ และคู่สมรสอายุ 60 ปีขึ้นไป (ต่อ 1 คน)
ลดหย่อน 30,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อน: สูงสุดไม่เกิน 4 คน และใช้สิทธิได้เพียง 1 ครั้งต่อครอบครัว พ่อแม่ หรือคู่สมรสจึงต้องลงลายมือชื่อระบุผู้ดูแลในหนังสือรับรองให้ชัดเจน
เงื่อนไขการลดหย่อน: สำหรับกรณีที่ผู้ทุพพลภาพมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี รวมถึงต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันความทุพพลภาพ หรือร่างกายบกพร่อง
กลุ่มที่ 2 ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน
- ประกันสังคม
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิต
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อน: ผู้ยื่นภาษีต้องเป็นบุตรตามกฎหมายเท่านั้น โดยสิทธิประกันที่นำมาลดหย่อนต้องเป็นความคุ้มครองด้านใดด้านหนึ่งใน 4 กลุ่ม ได้แก่ ค่ารักษาจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง และประกันคุ้มครองการพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยในระยะยาว เท่านั้น
เงื่อนไขการลดหย่อน: สำหรับกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้เท่านั้น
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
เงื่อนไขพิเศษ: กรณีที่มีส่วนเกิน 10,000 แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำไปคำนวณภาษี
- เงินสะสมกองทุน กบข. และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 13,200 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อน: ต้องถือครองไว้อย่างน้อย 7 ปี
***การซื้อกองทุน SSF RMF PVD กบข. ประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกอช. เมื่อรวมกันแล้วนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาทในแต่ละปี
กลุ่มที่ 3 ค่าลดหย่อนจากอสังหาริมทรัพย์
เงื่อนไขการลดหย่อน: สำหรับดอกเบี้ยจากเงินกู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย หากมีการกู้ซื้อมากกว่า 1 แห่ง สามารถใช้ลดหย่อนรวมกันได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท แต่ในกรณีที่กู้ร่วมกันหลายคน สามารถแบ่งดอกเบี้ยคนละเท่าๆ กัน แต่โดยรวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคน
เงื่อนไขการลดหย่อน: สำหรับกรณีที่บ้าน หรือที่อยู่อาศัยนั้นราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อน: สำหรับกรณีที่บ้าน หรือที่อยู่อาศัยนั้นราคาไม่เกิน 5,000,000 บาท
กลุ่มที่ 4 ค่าลดหย่อนกลุ่มเงินบริจาค
- เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคเพื่อสถานพยาบาลของรัฐ
ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษี
- กลุ่มเงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล
ลดหย่อนได้ตามจำนวนของเงินบริจาคที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาค 2 กลุ่มแรกแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคให้พรรคการเมือง
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

- สินค้าในกลุ่มช้อปช่วยชาติ สินค้าเพื่อการศึกษา กีฬา หนังสือ และสินค้า OTOP
ลดหย่อนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อสินค้า 1 กลุ่ม
- ท่องเที่ยวภายในประเทศไทย
ท่องเที่ยวเมืองหลักลดหย่อน 15,000 บาท ท่องเที่ยวเมืองรองลดหย่อน 20,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อน: รวมกันแล้วลดหย่อนได้ไม่เกิน 20,000 บาท
- ค่าบรรเทาความเสียหายจากพายุปาบึก
ค่าซ่อมแซมบ้านไม่เกิน 100,000 บาท ค่าซ่อมแซมรถยนต์และยานพาหนะไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าเสียหายจากพายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ค่าซ่อมแซมบ้านไม่เกิน 100,000 บาท ค่าซ่อมแซมยานพาหนะและอื่นๆ ไม่เกิน 30,000 บาท
สรุป
เท่านี้ทุกท่านก็น่าจะได้เห็นรายการลดหย่อนภาษีทั้งหมดจนครบกันแล้ว จะเห็นได้ว่ารายการดังกล่าวจะช่วยให้หลายๆคนไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม หรือใครที่มีรายได้สูงจะช่วยในการประหยัดภาษีได้มากขึ้น แล้วก็อย่าลืมนะครับว่ามาตรการขยายเวลามีผลจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เท่านั้น โดยสามารถยื่นแบบแสดงภาษีด้วยตัวเองได้ที่กรมสรรพากร หรือยื่นภาษีออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.rd.go.th/