หน้าแรก ติดล้อสตอรี่ ไขคำตอบการเติบโตแบบก้าวกระโดดของนายหน้าประกันภัย “ประกันติดล้อ”

ไขคำตอบการเติบโตแบบก้าวกระโดดของนายหน้าประกันภัย “ประกันติดล้อ”

22 มิถุนายน 2565
ไขคำตอบการเติบโตแบบก้าวกระโดดของนายหน้าประกันภัย “ประกันติดล้อ”

หากพูดถึง 'เงินติดล้อ' นอกจากจะทำให้คนทั่วไปนึกถึง 'บริษัท Fintech' ที่ประสบความสำเร็จในการให้ โอกาสผ่านบริการสินเชื่อให้กับคนฐานรากแล้ว ในวันนี้เงินติดล้อยังสร้างปรากฏการณ์การนำ 'ประกันติดล้อ' (ชื่อแบรนด์สำหรับธุรกิจนายหน้าประกันภัย) ซึ่งเป็นอีกธุรกิจของเงินติดล้อทะยานขึ้นสู่เบอร์ 2 ของอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ประกันภัยได้ในเวลาเพียง 6 ปี นับจากวันที่เริ่มขับเคลื่อนธุรกิจนี้อย่างจริงจังในปี 2559 การเติบโตได้แบบก้าวกระโดดเช่นนี้ย่อมมีที่มาที่ไม่ธรรมดา การย้อนรอยการเติบโตของ 'ประกันติดล้อ' ก็คือคำตอบที่จะไขให้เห็นเส้นทางของความสำเร็จ

“เจตนาที่ดี” คือแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ

ย้อนไปในปี 2556 เงินติดล้อได้รับใบอนุญาต 'นายหน้าประกันวินาศภัย' ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจประกันภัย โดยตั้งต้นจากเจตนาที่อยาก 'สร้างโอกาส' ให้กับคนกลุ่มฐานรากและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยมากขึ้น เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน อย่างที่คุณเปิ้ล อาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหารระดับสูง ฝ่ายนายหน้าประกันภัย และคุณโก้ ชาญฤทธิ์ สุกปลั่ง ผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานวิเคราะห์และกลยุทธ์นายหน้าประกันภัย ช่วยกันเล่าว่า

“เงินติดล้ออยู่ในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถมาก่อน จึงเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่อยากปกป้องทรัพย์สินตัวเอง ซึ่งหลักๆ ก็คือรถที่เขาใช้ประกอบอาชีพ เพราะหากต้องประสบเหตุไม่คาดคิดโดยไม่มีประกัน รายได้เขาก็จะหายไปกับค่าชดเชยหรือค่ารักษาพยาบาล อีกทั้งยังสูญเสียรายได้จากงานอีกด้วย ดังนั้นการมีประกันย่อมดีกว่า ปลอดภัยกับทรัพย์สินของพวกเขามากกว่า แต่นอกจากเบี้ยประกันจะเป็นภาระที่ค่อนข้างหนัก รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ประกันยังเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับกลุ่มลูกค้าของเรา อีกทั้งข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องความน่าเชื่อถือของตัวแทนประกันฯ ที่เราเคยได้ยิน อาจส่งผลให้พวกเขาไม่กล้าซื้อประกัน เงินติดล้อจึงตัดสินใจทำธุรกิจนายหน้าประกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งธุรกิจ เพราะมองว่าประกันเป็นสิ่งจำเป็นกับลูกค้า และอยากให้ลูกค้ามีโอกาส มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการมีประกัน ขณะเดียวกันในมุมของบริษัทก็มีโอกาสที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากการขยายไปสู่ธุรกิจนายหน้าประกันด้วยเช่นกัน”

ทีมเล็กๆ พร้อมเรียนรู้เสมอกับทุกความท้าทาย

คุณเปิ้ลเล่าย้อนถึงวันแรกของการเริ่มต้น 'ประกันติดล้อ' ว่าเริ่มจากทีมเล็กๆ เพียง 3-5 คนเท่านั้น และความรู้ความเข้าใจในธุรกิจประกันเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับทุกคน ดังนั้นทุกย่างก้าวจึงเต็มไปด้วยความยากและท้าทาย

“เนื่องจากเงินติดล้อเชี่ยวชาญเรื่องสินเชื่อเพราะทำธุรกิจด้านนี้มากว่า 10 ปี ทุกฝ่ายที่มีในตอนนั้นจึงมีภาระเพื่อสนับสนุนงานสินเชื่อเป็นหลัก ในช่วงแรกประกันติดล้อจึงเป็นเพียงทีมที่เป็นส่วนเล็กๆ แทรกอยู่ในฝ่าย Marketing และความท้าทายของเราก็มีตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์และบริษัทประกันที่จะมาเป็นพาร์ทเนอร์ เพราะทุกคนคิดว่าเงินติดล้อก็ต้องทำสินเชื่อ แล้วจะขายประกันได้หรือ ในช่วงแรกจึงแทบไม่มีบริษัทประกันอยากจะมาคุยกับเราหรือนำผลิตภัณฑ์มาให้เราขาย ขณะที่อีกมุมเราก็มองว่า การร่วมงานในฐานะพาร์ทเนอร์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเอกสาร การเซ็นสัญญา เพื่อนำผลิตภัณฑ์ประกันของเขามาขาย

ถ้าจะเปรียบก็คงเหมือนการเลือกคบใครสักคนเป็นแฟน เราก็ต้องแน่ใจว่าเขาจะดีกับคนในครอบครัวคือลูกค้าของเราด้วย เราเลยต้องขอไปดูหลังบ้านของบริษัทประกันว่าการให้บริการต่างๆ ของเขาเป็นอย่างไร และดูว่าในตลาดหรือใน Social Media มีใครร้องเรียนบริษัทนี้ในเรื่องใดบ้างหรือไม่”

นอกจากนี้ การส่งพนักงานสาขาของเงินติดล้อที่มีอยู่เป็นพันคนไปสอบเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตขายประกันก็เป็นความท้าทายใหญ่อีกอย่างที่ต้องทำให้ได้

“เราต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เพื่อให้ลูกค้าเชื่อถือและไว้วางใจ จึงต้องวางแผนเตรียมการติว สอน ฝึกอบรม ก่อนจะส่งน้องๆ ไปสอบ เพราะการสอบใบอนุญาตขายประกันไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสอบครั้งเดียวแล้วผ่าน”

ขณะเดียวกัน ทีมประกันติดล้อก็ต้องพยายามสร้างมาตรฐาน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในธุรกิจนายหน้าประกันพร้อมกันไปด้วย อย่างที่คุณโก้เล่าว่า

“เราอยู่ในอุตสาหกรรมคนกลางขายประกัน ดังนั้นวิธีสร้างความเชื่อถือ ไว้ใจให้ลูกค้าอีกอย่างก็คือทำทุกอย่างให้ชัดเจน โปร่งใส ซึ่งเราเรียนรู้จากธุรกิจสินเชื่อและนำมาใช้ในธุรกิจประกันด้วย โดยให้ความสำคัญกับเอกสารที่ลูกค้าควรได้รับ ณ วันที่ซื้อประกัน เช่น ใบเสร็จรับเงิน เอกสารแสดงความคุ้มครอง เพราะก็เคยมีข่าวนายหน้ารับเงินจากลูกค้าแล้วไม่ส่งต่อบริษัทประกัน หรือบางรายก็คิดค่าธรรมเนียมไม่เป็นธรรม เราจึงเน้นสร้างระบบที่มีมาตรฐานมาตั้งแต่ต้น”

ผ่านทุกปัญหาได้ เพราะความร่วมมือร่วมใจของ 'ชาวเงินติดล้อ' และพันธมิตร

ปี 2559 ทีมประกันได้รับการแยกระบบการทำงานออกมาเป็น ฝ่ายนายหน้าประกันภัย เพราะผลประกอบการของธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตขึ้นชัดเจน มีการสร้างระบบการทำงานขึ้นมาเพื่อให้ทุกสาขาสามารถขายประกันผ่านระบบ และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ารอรับกรมธรรม์ที่สาขาได้ทันที

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ ‘ประกันผ่อน 0%’ เป็นเจ้าแรกในตลาด เพื่อแบ่งเบาภาระลูกค้าให้สามารถเข้าถึงประกันที่ต้องการได้ง่าย เหมาะสม และสะดวกขึ้น ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานให้โบรกเกอร์อื่นๆ ดำเนินรอยตาม

และยังมีการเพิ่มช่องทางขายประกันที่หลากลาย ทั้งช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ (Telesales) ช่องทางออนไลน์อย่างแอปพลิเคชันเงินติดล้อ รวมถึงยังสร้างแพลตฟอร์ม 'อารีเกเตอร์' ต่อยอดจากระบบขายประกันของ

เงินติดล้อ เพื่อให้โบรกเกอร์รายย่อยมีรายได้จากการขายประกันเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจประกันติดล้อ

และหัวใจสำคัญที่ทำให้ 'ประกันติดล้อ' เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงได้ในวันนี้นั้น คุณโก้และคุณเปิ้ลเล่าว่า

“ทั้งหมดมาจากวัฒนธรรมพร้อมเรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาตลอดเวลาที่มีอยู่ใน DNA ของชาวเงินติดล้ออยู่แล้ว ทำให้เราผ่านความท้าทายซึ่งมีอยู่ทุกวันในการพัฒนาธุรกิจประกันมาได้

ต้องขอบคุณชาวเงินติดล้อทุกฝ่าย เพราะในวันที่ธุรกิจประกันยังเป็นเรื่องใหม่ หัวหน้าทีมของสาขาทั้งที่มีตำแหน่งภาคและพื้นที่ ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจประกันมาก่อนต่างก็พยายามปรับตัว เรียนรู้ไปกับเรา และเป็นคนสำคัญที่ช่วยผลักดันการขายประกันและช่วยให้น้องสาขาเปิดใจเรียนรู้ด้วย ส่วนทีม Operations และทีม Collections ก็ช่วยสนับสนุนงานหลังบ้าน และยังมีทีม Customer Services ที่ช่วยติดต่อลูกค้า คือทุกฝ่ายช่วยกันหมด

ประกันติดล้อ_NTLers

นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณทุก 'พันธมิตร' ที่เข้าใจเรา ทุ่มเทร่วมพัฒนาระบบกับเรามาตลอด และเรากับพันธมิตรก็ไม่ได้เป็นแค่คู่ค้า แต่ยังเป็นคู่คิดช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยบริษัทประกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย”

และทั้งหมดนี้ก็คือคำตอบว่าทำไม ประกันติดล้อจึงโตไว (และจะโตอีกไกล)

เพราะประกันติดล้อเชื่อว่า 'ก้าวไปได้ไกล (เพราะ) ก้าวไปด้วยกัน'

เงินติดล้อ

ติดล้อสตอรี่โดย

เงินติดล้อ

ผู้มุ่งหวังให้สังคมไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น