ความรู้สึกของการมีหนี้สินท่วมตัวคงเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากเจอ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้ก้อนใหญ่อื่นๆ ล้วนสร้างความเครียดและบั่นทอนความสุขในชีวิตได้ทั้งสิ้น แต่ทุกปัญหามีทางออกเสมอ! การเป็นหนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนการเงินครั้งสำคัญ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตั้งเป้าหมายว่า อยากปลดหนี้ ลดหนี้เสีย เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้น เงินติดล้อบทความนี้ได้รวบรวมทุกวิธีการปลดหนี้ ตั้งแต่การตั้งหลักสำรวจตัวเอง ไปจนถึงเทคนิคและตัวช่วยต่างๆ ที่จะทำให้การ ปลดหนี้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป มาเริ่มต้นวางแผนเพื่อสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นไปพร้อมกันเลยครับ
ตั้งหลักก่อนเริ่มปลดหนี้ 3 ขั้นตอนสำคัญที่ห้ามข้าม
ก่อนจะวิ่งเข้าเส้นชัย เราต้องรู้ก่อนว่าจุดสตาร์ตอยู่ตรงไหน การตั้งหลักทางการเงินก็เช่นกันครับ เป็นขั้นตอนพื้นฐานแต่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณเห็นภาพรวมทั้งหมดและวางแผนได้อย่างแม่นยำ
1. รวบรวมหนี้สินทั้งหมดที่มี
ขั้นตอนแรกคือการเผชิญหน้ากับความจริง! ลองใช้เวลาเงียบๆ ลิสต์รายการหนี้สินทั้งหมดที่คุณมีออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, หนี้บ้าน, หนี้รถ หรือหนี้นอกระบบ โดยจดรายละเอียดสำคัญของแต่ละก้อนหนี้ ดังนี้
- เจ้าหนี้คือใคร ธนาคาร A, บริษัท B, สินเชื่อ C
- ยอดหนี้คงเหลือ เหลืออีกเท่าไหร่ถึงจะหมด
- อัตราดอกเบี้ย กี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี (สำคัญมาก!)
- ยอดผ่อนชำระขั้นต่ำต่อเดือน ต้องจ่ายน้อยที่สุดเท่าไหร่
การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของศัตรูทั้งหมด และรู้ว่าควรจะจัดการกับหนี้ก้อนไหนก่อนดี
2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียด
เมื่อรู้ยอดหนี้แล้ว ก็ถึงเวลาสำรวจสถานะการเงินของตัวเอง การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างน้อย 1-2 เดือน จะเป็นกระจกสะท้อนพฤติกรรมการใช้เงินของคุณได้ดีที่สุด ทำให้คุณเห็นภาพรวมการเงินที่แท้จริงว่าในแต่ละเดือนมีเงินไหลเข้าเท่าไหร่ ไหลออกไปกับอะไรบ้าง และมีเงินคงเหลือสำหรับนำไปชำระหนี้เพิ่มเติมได้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังช่วยให้เห็นว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่สามารถตัดทอนออกไปเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าได้อีก
3. ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเอง
หลายคนกลัวการเช็กเครดิตบูโร แต่จริงๆ แล้วมันคือข้อมูลสำคัญที่ทำให้เรารู้สถานะของตัวเองในระบบสถาบันการเงิน การตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรจะทำให้คุณเข้าใจสถานะหนี้ทั้งหมด, ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา และที่สำคัญคือเตรียมความพร้อมหากในอนาคตคุณต้องการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้, รีไฟแนนซ์ หรือรวมหนี้ การรู้ข้อมูลของตัวเองก่อนย่อมได้เปรียบเสมอ
วางแผนการเงินเพื่อปลดหนี้อย่างยั่งยืน
เมื่อมีข้อมูลครบทั้ง 3 ด้านแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่โหมดวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวิธีปลดหนี้ให้เร็วที่สุด การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณมีทิศทางที่ชัดเจนและมีวินัยในการจัดการหนี้
ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพิ่มเงินโปะหนี้
จากบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่คุณทำไว้ ลองมองหาค่าใช้จ่ายที่สามารถตัดหรือลดได้ทันที เช่น
- ค่ากาแฟแบรนด์ดัง อาจจะลองเปลี่ยนเป็นชงกาแฟดื่มเองที่ออฟฟิศ
- ค่าบริการ Streaming ที่ไม่ค่อยได้ดู สมัครไว้หลายเจ้าแต่ดูจริงแค่เจ้าเดียวหรือเปล่า?
- ค่าชอปปิงออนไลน์ ตั้งกฎกับตัวเองว่าจะซื้อเฉพาะของที่จำเป็นจริงๆ
- ค่าอาหารมื้อหรู ลดความถี่ลง แล้วเปลี่ยนเป็นทำอาหารทานเองมากขึ้น
เงินเล็กๆ น้อยๆ จากส่วนนี้ เมื่อรวมกันในแต่ละเดือนจะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สามารถนำไป "โปะ" หนี้ให้หมดเร็วยิ่งขึ้นได้
หาช่องทางสร้างรายได้เสริม
นอกจากการลดรายจ่ายแล้ว การเพิ่มรายได้ก็เป็นอีกหนึ่งทางลัดสู่การปลดหนี้ที่ได้ผลดี ลองมองหาทักษะหรือความสามารถพิเศษของคุณที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ เช่น การรับงานฟรีแลนซ์หลังเลิกงาน, ขายของออนไลน์, ขับรถส่งอาหาร หรือแม้แต่การนำของที่ไม่ใช้แล้วมาขายต่อ ทุกบาททุกสตางค์จากรายได้เสริม ควรถูกนำไปโปะหนี้โดยเฉพาะ จะช่วยเร่งสปีดให้คุณถึงเส้นชัยเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
จัดลำดับการชำระหนี้ด้วยเทคนิค Snowball vs Avalanche
เมื่อมีเงินก้อนสำหรับโปะหนี้แล้ว คำถามต่อมาคือ "จะจ่ายหนี้ก้อนไหนก่อนดี?" ปัจจุบันมี 2 เทคนิคหลักที่นิยมใช้กันทั่วโลก ซึ่งเป็นวิธีการปลดหนี้ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ
- วิธีที่ 1: ปิดหนี้ก้อนเล็กก่อน (Debt Snowball)
เทคนิคนี้เน้นการสร้าง "กำลังใจ" เป็นหลัก โดยให้คุณนำเงินไปโปะหนี้ก้อนที่มีมูลค่าน้อยที่สุดให้หมดไปก่อน เมื่อปิดหนี้ก้อนแรกสำเร็จ คุณจะรู้สึกมีกำลังใจและเห็นความคืบหน้าอย่างชัดเจน จากนั้นนำเงินที่เคยผ่อนหนี้ก้อนแรกไปรวมกับเงินโปะก้อนใหม่ เพื่อจัดการหนี้ก้อนที่เล็กที่สุดลำดับถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนการปั้นก้อนหิมะให้ใหญ่ขึ้น
- วิธีที่ 2: ปิดหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน (Debt Avalanche)
เทคนิคนี้เน้น "หลักคณิตศาสตร์" และการประหยัดเงินในระยะยาว โดยให้คุณนำเงินไปโปะหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน (เช่น หนี้บัตรเครดิต, สินเชื่อกดเงินสด) เพราะหนี้เหล่านี้คือตัวการที่ทำให้ยอดหนี้ของคุณเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด การกำจัดหนี้ดอกเบี้ยสูงออกไปก่อนจะช่วยให้คุณประหยัดค่าดอกเบี้ยโดยรวมได้เป็นอย่างมาก
รวมวิธีปลดหนี้ให้เร็วที่สุด เลือกที่ใช่สำหรับคุณ
สำหรับคนที่มีหนี้หลายก้อน การจัดการด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพอ ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการเงินมากมายที่เป็น วิธีปลดหนี้ ที่มีประสิทธิภาพ ลองศึกษาและเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ
การรีไฟแนนซ์ (Refinance) หนี้บ้าน หนี้รถ
การรีไฟแนนซ์ คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินแห่งใหม่ (หรือที่เดิม) เพื่อนำมาปิดหนี้ก้อนเดิม โดยมีเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม เหมาะสำหรับหนี้ก้อนใหญ่ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น หนี้บ้าน หรือหนี้รถยนต์ ข้อดีคือมักจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง หรือสามารถยืดระยะเวลาผ่อนชำระออกไปได้ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดี
การรวมหนี้ (Debt Consolidation) บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
การรวมหนี้ คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่มาปิดหนี้สินยิบย่อยหลายๆ ก้อน (เช่น หนี้บัตรเครดิต 3 ใบ, สินเชื่อส่วนบุคคล 2 แห่ง) แล้วรวบให้เหลือการผ่อนชำระกับเจ้าหนี้เพียงรายเดียว ข้อดีคือจัดการง่าย ไม่ต้องจำวันครบกำหนดชำระหลายที่ และมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลเดิม
แต่บางคนคิดไม่ออกว่าจะกู้เงินก้อนถูกกฎหมายที่ไหนดีที่จะช่วยให้จ่ายหนี้ยิบย่อยออกไปแล้วจ่ายหนี้ทีเดียวกับสถาบันการเงิน ขอสินเชื่อธนาคารไหน อนุมัติง่าย เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าตนเองติดแบล็กลิสต์หรือเครดิตเสียไปแล้ว คงไม่มีสถาบันการเงินไหนจะปล่อยเงินกู้ให้กับคนเครดิตเสีย แต่มีอยู่ที่หนึ่งคือ “เงินติดล้อ” เพราะเงินติดล้ออยากให้คนมีเครดิตเสียหรือคนเป็นหนี้ทุกคนมีอนาคตการเงินที่สดใสกว่านี้ หากสำรวจทรัพย์สินที่มีแล้วพบว่ารถที่สามารถทำการกู้สินเชื่อเคลียร์ภาระหนี้จากเงินติดล้อได้เลย เช่น
การปรับโครงสร้างหนี้ (Debt Restructuring)
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าผ่อนชำระหนี้ไม่ไหวจริงๆ การปรับโครงสร้างหนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ วิธีนี้คือการเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ "รายเดิม" โดยตรง เพื่อขอลดหย่อนเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น การขอลดอัตราดอกเบี้ย, การขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้นเพื่อให้ค่างวดลดลง หรือการขอพักชำระหนี้ชั่วคราว ซึ่งต้องเตรียมเอกสารและเหตุผลไปชี้แจงกับทางสถาบันการเงิน
หนี้หนักเกินแก้ อย่าเพิ่งหมดหวัง ยังมีทางออก
ในกรณีที่สถานการณ์หนี้สินรุนแรงจนเกินกว่าจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ยังมีหน่วยงานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษา เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับคุณ อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามจนแก้ไขไม่ได้
แนวทางการเจรจากับเจ้าหนี้โดยตรง
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อรู้ตัวว่าจ่ายไม่ไหวคือการ "อย่าหนี" ครับ ให้รวบรวมสติและข้อมูล แล้วติดต่อเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้โดยตรงเพื่อขอประนอมหนี้ ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแสดงความตั้งใจจริงที่จะชำระหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินส่วนใหญ่มีแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้อยู่แล้ว
คลินิกแก้หนี้ by SAM ตัวช่วยสำหรับหนี้เสีย
โครงการคลินิกแก้หนี้ โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) ประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยจะช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้หลายๆ รายพร้อมกันให้จบในที่เดียว
ทางด่วนแก้หนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย
"ทางด่วนแก้หนี้" เป็นอีกหนึ่งช่องทางของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาปัญหาหนี้สินระหว่างลูกหนี้กับสถาบันการเงิน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเป็นธรรม
วิธีเช็กสุขภาพการเงินเพื่อให้ปีใหม่เรื่องเงินไหลลื่นไม่ติดขัด
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าสุขภาพการเงินก็สำคัญมาก ถ้าสุขภาพการเงินดีก็จะส่งผลให้สุขภาพใจและสุขภาพดีตามไปด้วย เพราะไม่ต้องมาเครียดว่าเงินไม่พอใช้จะทำยังไง หมุนเงินไม่ทันทำยังไงดี ซึ่งวิธีจะเช็กสุขภาพการเงินของตัวเองว่ายังแข็งแรงอยู่ไหม มีด้วยกัน 3 เรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู้ ดังนี้
ความมั่งคั่งของคุณมีอยู่เท่าไหร่?
ความมั่งคั่งคือเงินที่เหลืออยู่หลังจากนำทรัพย์สินทั้งหมดลบด้วยหนี้สินทั้งหมด ถ้าคุณมีทรัพย์สินมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสในการนำไปต่อยอดความมั่งคั่งให้ตัวเองเท่านั้น แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าความมั่งคั่งนั้นทำให้อยู่รอดได้ มีสูตรคำนวณคือ รายได้จากการทำงาน + รายได้จากทรัพย์สิน ÷ รายจ่าย
ภาระหนี้สินต่อเดือนมีอยู่เท่าไหร่?
ภาระหนี้สินต่อเดือน (Fixed Cost) คือเงินที่คุณต้องจ่ายทุกๆ เดือน ซึ่งถ้าภาระหนี้สินต่อเดือนหากเกินกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด เท่ากับว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก สมมติว่าคุณมีเงินเดือน 15,000 บาท ภาระหนี้สินที่มีได้คือไม่ควรเกิน 6,000 บาท
เงินออมเผื่อฉุกเฉินมีอยู่เท่าไหร่?
เงินออมฉุกเฉินนั้นสำคัญกับชีวิตมาก เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตจะเกิดเหตุการณ์อะไรกับชีวิตขึ้นบ้าง เช่น ตกงาน โดนไล่ออกจากงาน หรือประสบอุบัติเหตุ ควรออมเงินในส่วนแบบนี้จริงจังที่สุด โดยการออมเงินแบบฉุกเฉินควรมีเผื่อไว้อย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่าย สมมติ คุณได้เงินเดือน 30,000 บาท มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 40% แสดงว่าคุณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 12,000 บาท ดังนั้น เงินออมควรมี 72,000 บาท
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีการปลดหนี้
ติดเครดิตบูโร (แบล็กลิสต์) ไปแล้ว จะแก้ไขได้อย่างไร?
คำว่า "ติดแบล็กลิสต์" เป็นเพียงคำเรียกเท่านั้น ในข้อมูลเครดิตบูโรจะแสดงประวัติการชำระหนี้ตามจริง ไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการกลับไปชำระหนี้ที่ค้างอยู่ให้เรียบร้อย และสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดีขึ้นมาใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในระบบเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นประวัติการเงินของคุณก็จะกลับมาเป็นปกติ
การรวมหนี้กับการรีไฟแนนซ์ แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกแบบไหน?
- การรวมหนี้ (Debt Consolidation) คือการกู้เงินก้อนใหม่ "1 ก้อน" มาโปะหนี้เดิม "หลายๆ ก้อน" ให้เหลือหนี้แค่ที่เดียว เหมาะกับคนที่มีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลหลายใบ
- การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือการย้ายหนี้ "1 ก้อน" ไปยังสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า (เช่น ดอกเบี้ยถูกลง) เหมาะกับหนี้ก้อนใหญ่อย่างหนี้บ้านหรือหนี้รถ
การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับประเภทของหนี้ที่คุณมี ถ้ามีหนี้บัตรหลายใบควร "รวมหนี้" แต่ถ้ามีหนี้บ้านดอกเบี้ยสูงควร "รีไฟแนนซ์"
ปลดหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ควรเริ่มจ่ายจากใบไหนก่อนดี?
คุณสามารถเลือกใช้เทคนิคที่อธิบายไปข้างต้นได้เลยครับ หากต้องการกำลังใจและเห็นผลเร็ว ให้ใช้วิธี Snowball โดยปิดบัตรใบที่มียอดหนี้น้อยที่สุดก่อน แต่ถ้าต้องการประหยัดดอกเบี้ยให้ได้มากที่สุดในระยะยาว ให้ใช้วิธี Avalanche โดยปิดบัตรใบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน
สรุป
คำว่า “การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” คือเรื่องจริง 100% แต่การจะไม่เป็นหนี้เลยนั้นทำได้ยากมาก ๆ เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองทำให้รายจ่ายมากกว่ารายรับ หลายคนต้องเป็นหนี้ไปโดยปริยาย ดังนั้น เงินติดล้ออยากให้คุณทุกคนที่อยากปลดหนี้หมดหนี้ไว ๆ นะครับ!
หากคุณกำลังมองหาทางออกในการจัดการหนี้สินและต้องการเงินก้อนเพื่อเสริมสภาพคล่อง ที่เงินติดล้อ เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้วยสินเชื่อทะเบียนรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุก เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสามารถก้าวผ่านปัญหาและเริ่มต้นอนาคตทางการเงินที่สดใสได้อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย