บัตรเครดิต อุปกรณ์แสนสะดวกที่ช่วยให้เรานำเงินในอนาคตมาปรับสภาพคล่อง และจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงๆ ได้ผ่านการผ่อนชำระ แต่เนื่องจากที่มันสะดวก และใช้งานง่าย ทำให้หลายๆ คนเผลอใช้จนเกินตัว รู้สึกตัวอีกทีกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนโตเข้าเสียแล้ว บทความนี้เงินติดล้อจะขอแนะนำให้รู้จักกับ 7 เทคนิคเคลียร์หนี้บัตรเครดิต ที่ทำได้ง่าย แต่ใช้ได้ผลจริง เพียงแค่คุณเริ่มต้นลงมือทำอย่างตั้งใจ จะมีวิธีไหนบ้างนั้น เรามาดูกันเลย!
หนี้บัตรเครดิตคืออะไร
หนี้บัตรเครดิต คือ ภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการนำบัตรเครดิตไปใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้า บริการ หรือเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า เปรียบเสมือนการกู้ยืมเงินระยะสั้นจากสถาบันการเงินผู้ออกบัตร โดยเมื่อถึงวันกำหนดชำระ หากคุณไม่ได้ชำระคืนเต็มจำนวน ยอดเงินที่ค้างอยู่จะถูกนับเป็นหนี้และเริ่มถูกคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด ซึ่งหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ยอดหนี้จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นปัญหาทางการเงินในที่สุด
วิธีคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
การเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยจะช่วยให้คุณตระหนักถึงภาระค่าใช้จ่ายที่แท้จริง โดยส่วนใหญ่แล้วสถาบันการเงินจะเริ่มคิดดอกเบี้ยทันทีนับตั้งแต่วันที่ร้านค้าเรียกเก็บเงิน (วันที่บันทึกรายการ) ไม่ใช่วันที่คุณใช้จ่าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในปัจจุบันจะเริ่มต้นที่ 16% ต่อปี คุณสามารถคำนวณดอกเบี้ยเบื้องต้นได้ด้วยสูตรดังนี้
สูตรการคำนวณ
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย = (จำนวนเงินที่ใช้จ่าย × อัตราดอกเบี้ยต่อปี × จำนวนวัน) ÷ 365
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติว่าคุณใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าเป็นเงิน 10,000 บาท โดยบัตรของคุณมีอัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี และนับตั้งแต่วันที่ร้านค้าเรียกเก็บเงินจนถึงวันสรุปยอดบัญชีเป็นเวลา 30 วัน
- จำนวนเงินที่ใช้จ่าย 10,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยต่อปี 16% หรือ 0.16
- จำนวนวัน 30 วัน
(10,000 × 0.16 × 30) ÷ 365 = 131.50 บาท
ดังนั้น หากคุณไม่ชำระเงินเต็มจำนวนภายในรอบบัญชีนั้น คุณจะต้องเสียดอกเบี้ยสำหรับยอดใช้จ่ายนี้ประมาณ 131.50 บาท ซึ่งดอกเบี้ยนี้จะถูกรวมเข้าไปในยอดหนี้ของรอบบิลถัดไปครับ
10 วิธีแก้หนี้บัตรเครดิตมีอะไรบ้าง มาดูกัน!
รู้หรือไม่ว่า นอกจากภาระหนี้บัตรเครดิตที่คุณต้องตามจ่ายแล้ว ยังส่งผลเสียต่อประวัติทางด้านการเงินของคุณอีกด้วย เพราะฉะนั้น เรามาดูกันเลยว่า 7 วิธีเคลียร์หนี้บัตรเครดิตนั้น จะมีอะไรบ้าง
1. ปิดบัตรที่ไม่ได้ใช้
อันดับแรกเลยก็คือ ให้เอาบัตรเครดิตที่อยู่แต่ไม่ได้ใช้ไปปิดทิ้งให้หมดซะ! ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเผลอตัวเผลอใจไปใช้ซ้ำอีก บัตรนึงหมดก็ใช้อีกใบนึง พอหมดแล้วก็เปลี่ยนใบใหม่ วนซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายหนี้สินก็จะยิ่งเพิ่มพูนเอาซะเปล่า เพราะฉะนั้น! เรามาตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการชิงปิดบัตรที่ยังไม่ได้ใช้ทิ้งไปซะ ทีนี้คุณจะได้เริ่มต้นเตรียมตัวเคลียร์หนี้บัตรเครดิตของตัวเองอย่างเต็มตัว
2. กล้าที่จะเจรจากับธนาคารเจ้าของบัตร
สำหรับใครที่ปล่อยหนี้ทิ้งไว้จนดอกเบี้ยพอกพูน นานๆ เข้าก็เริ่มที่จะจ่ายไม่ไหว อาจจะต้องมีการฟ้องร้องจนขึ้นโรงขึ้นศาลได้ เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทำนั่นก็คือ ต้องกล้าที่จะเจรจากับธนาคารเจ้าของบัตร
โดยปกติธนาคารนั้นจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอยู่แล้ว เพียงแต่หลายๆ คนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตแต่จ่ายไม่ไหวนั้น จะมีความละอายเกินกว่าจะเข้าไปเจรจา อย่างเช่น
- ช่วยขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
- ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยให้
- หยุดการคิดอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว
- ลดหนี้ค้างชำระบางส่วน
เห็นไหมล่ะครับว่าถ้ากล้าที่จะเจรจาประนอมหนี้กับธนาคารแล้วดีขนาดไหน ดังนั้น! ยอมกัดฟันอายเพียงครั้งเดียว เข้าไปเคลียร์หนี้ให้จบอย่าปล่อยเป็นดินพอกหางหมูจะดีที่สุดครับ!
3. แจกแจงค่าใช้จ่ายรายเดือนของตัวเอง
การแจกแจงค่าใช้จ่ายรายเดือนของตัวเองนั้น จะทำให้คุณประมาณการค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ว่า ในแต่ละเดือนคุณจะมีค่าใช้จ่ายจำเป็นเท่าไหร่บ้าง ซึ่งรายการค่าใช้จ่ายจำเป็นที่คุณควรทำไว้ ได้แก่
- ค่าที่พัก
- ค่าเดินทางไปทำงาน
- ค่าน้ำ / ค่าไฟ
- ค่าโทรศัพท์
- ค่าอาหารโดยเฉลี่ย
- ค่าสบู่ แชมพู ยาสระผม
โดยแต่ละคนอาจมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยแตกต่างกันไป ซึ่งการแจกแจงค่าใช้จ่ายนั้นจะนำไปสู่ขั้นตอนถัดไปนั่นเอง
4. จัดทำงบประมาณรายรับ-รายจ่าย
หัวใจสำคัญของการแก้หนี้บัตรเครดิต คือการรู้สถานะการเงินของตัวเองอย่างแท้จริง หลังจากแจกแจงค่าใช้จ่ายรายเดือนของตัวเองจนครบถ้วนแล้ว ให้มาจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อวิเคราะห์ภาพรวมว่าเงินถูกใช้ไปกับอะไรบ้างในแต่ละเดือน ทำให้สามารถตัดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และนำเงินส่วนนั้นมาจัดการกับหนี้บัตรเครดิต ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นครับ
5. ลดรายจ่ายให้เหลือน้อยที่สุด
หลังจากที่ได้ประมาณการค่าใช้จ่ายต่างๆ ของตัวเองแล้ว ทีนี้เราก็สามารถตรวจสอบได้ว่าค่าใช้จ่ายใดที่สามารถลดลงได้บ้าง เพื่อให้มีเงินไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้มากขึ้นนั่นเองครับ หรือถ้าไม่เอาไปจ่ายเพิ่ม คุณก็จะได้มีเงินเก็บเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินด้วยนั่นเองครับ
6. จ่ายให้มากกว่าขั้นต่ำ
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนมีหนี้บัตรเครดิตพอกพูนนั้นก็คือจ่ายแค่ขั้นต่ำ ซึ่งเดิมทีอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตเองก็สูงอยู่แล้ว การจ่ายแค่ขั้นต่ำจึงเป็นเหมือนการจ่ายแค่ดอกเบี้ย แต่เงินต้นไม่ลดลงเลย จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรจ่ายให้มากกว่าจำนวนขั้นต่ำนั่นเอง
7. จ่ายก้อนเล็กก่อน
หากคุณเป็นคนที่ต้องการกำลังใจเพื่อเดินหน้าต่อ เทคนิคนี้คือวิธีปิดหนี้บัตรเครดิตที่ตอบโจทย์อย่างมาก โดยให้คุณทุ่มกำลังชำระหนี้ก้อนที่ยอดหนี้คงค้างน้อยที่สุดให้หมดไปก่อนเป็นใบแรก เมื่อปิดสำเร็จ คุณจะเกิดแรงผลักดันและมีกำลังใจในการแก้หนี้บัตรเครดิตก้อนถัดไป การได้เห็นยอดหนี้หายไปทีละรายการอย่างรวดเร็ว จะช่วยสร้างวินัยและความมุ่งมั่นในการชำระหนี้ให้คุณได้อย่างดีเยี่ยม
8. จ่ายดอกเบี้ยสูงก่อน
หากเป้าหมายหลักของคุณคือการประหยัดดอกเบี้ยให้ได้มากที่สุดในระยะยาว นี่คือแนวทางแก้หนี้บัตรเครดิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้คุณเน้นชำระหนี้บัตรเครดิตใบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก แม้ช่วงแรกอาจรู้สึกว่ายอดหนี้รวมลดลงช้า แต่ในระยะยาวจะเป็นวิธีปิดหนี้บัตรเครดิตที่ช่วยให้คุณประหยัดเงินค่าดอกเบี้ยได้มากที่สุด และทำให้ปลดหนี้ทั้งหมดได้เร็วกว่าในภาพรวมอย่างแน่นอน
9. มีเงินก้อนให้รีบโปะ
เป็นวิธีที่คล้ายกับการจ่ายให้มากกว่าขั้นต่ำ เพียงแต่คุณจะต้องฝืนใจตัวเองสักเล็กน้อย นั่นก็คือ เมื่อมีเงินก้อนให้รีบนำมาโปะบัตรเครดิตให้หมด! ไม่ว่าจะเป็นโบนัส เงินปันผล หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้ว่าจะอยากเอาไปทำนู่นทำนี่ แต่คุณต้องพึงระลึกเสมอว่ายังมีหนี้อยู่กับตัว และต้องยอมนำเงินทั้งหมดนี้ไปโปะหนี้ให้ได้ ถ้าอยากรู้ว่าเอาเงินก้อนโปะ และจ่ายให้มากกว่าจำนวนขั้นต่ำจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยยังไงนั้น สามารถดูตัวอย่างได้จากบทความนี้เลยครับ
10. รวมหนี้เป็นก้อนเดียว
สำหรับใครที่เป็นหนี้บัตรเครดิตซ้ำซ้อนหลายใบ ต้องมาแยกจ่ายเรื่อยๆ แบบนี้นานๆ เข้าจะต้องเกิดความยุ่งยากอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ทางแก้ที่ดีที่สุดของปัญหานี้ก็คือการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวกันนั่นเอง
นอกจากจะทำให้การจ่ายค่างวดรายเดือนง่ายขึ้น และไม่ยุ่งยากแล้ว หากคุณสามารถปรับอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่แต่เดิมให้ลดลงได้อีกด้วย ซึ่งจะต้องทำการสำรวจจากสถาบันการเงินแต่ละเจ้าอีกทีนะครับ
สรุปการแก้หนี้บัตรเครดิต ที่คุณเองก็เคลียร์ได้
การแก้หนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถและเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้จริง หัวใจสำคัญที่สุดคือการมีวินัยทางการเงิน การวางแผนอย่างรอบคอบ และความมุ่งมั่นที่จะลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเริ่มต้นก้าวแรกอย่างตั้งใจและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสม เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินและชีวิตที่ปลอดหนี้ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
สำหรับใครที่กำลังมองหาทางออกปิดบัตรเครดิตด้วยการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เงินติดล้อให้บริการด้วยสินเชื่อทะเบียนรถยนต์พร้อมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้าถึงเงินก้อนยามฉุกเฉิน อนุมัติไว ให้วงเงินสูงในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เพื่อช่วยแก้หนี้บัตรเครดิตของคุณให้ราบรื่น เสริมสภาพคล่องและจัดการการเงินได้ง่ายขึ้นครับ
ที่มา: BOT (ธนาคารแห่งประเทศไทย)