ไม่อยากเสียสิทธิ เช็คเงื่อนไขเงินดิจิตอล 10,000 อัปเดตล่าสุด

โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นมาตรการกระตุ้นทางการคลังด้วยการฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ส่งผลให้ประชาชนมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ธุรกิจเพิ่มการลงทุน มีการจ้างงานพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการผลิต ส่งผลให้อัตราการว่างงานลดลง ซึ่งหลายประเทศต่างก็ให้ความสำคัญกับมาตรการอัดฉีดเงินในลักษณะนี้เช่นกัน เงินติดล้อจะมาสรุปรายละเอียดและเงื่อนไขของนโยบายเงินดิจิตอล 10,000 บาทซื้ออะไรได้บ้าง และใครมีสิทธิได้รับบ้าง มาเตรียมตัวลงทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิของเรากันครับ

เงื่อนไขของนโยบายเงินดิจิตอล 10,000 บาท

โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่มองว่าประเทศไทยจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ด้วยการแจกเงิน Digital Wallet หรือ เงินดิจิตอล 10,000 บาทให้คนไทยประมาณ 50 ล้านคน ที่จะเริ่มแจกเงินในไตรมาสแรกของปี 2567 ผ่านแอปเป๋าตัง หรือ "กระเป๋าเงินดิจิทัล" (Digital Wallet) โดยผู้มีสิทธิรับเงินจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

• คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน
• คนที่มีเงินเดือนไม่ถึง 70,000 บาท และมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท (*ต้องเข้าเงื่อนไขทั้งสองอย่างเลยนะครับ)
• คนที่ได้รับสวัสดิการ เช่น ผู้พิการ คนชรา ได้รับเต็มจำนวน ไม่หักลด

เงินดิจิตอล 10,000 บาทซื้ออะไรได้บ้าง?

เพื่อไม่ให้โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายประชานิยม ป้องกันปัญหาเรื่องความมั่นคง ความเหลื่อมล้ำ และวินัยการเงินการคลัง จึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขในการใช้เงินดิจิตอล 10,000 บาท ดังนี้

• ใช้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค หรือเครื่องมือทำกินในร้านค้า รัศมี 4 กิโลเมตรจากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน (ปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและท้องถิ่นทั่วประเทศ)
• ไม่สามารถใช้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
• ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้
• ไม่สามารถใช้ซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณีได้
• ไม่สามารถซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
• ไม่สามารถเบิกถอนเป็นเงินสดได้

เงินดิจิตอล 10,000 บาทเริ่มใช้ตอนไหน?

รัฐบาลคาดว่า จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้เงินดิจิตอล 10,000 บาทครั้งแรกในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม 2567 โดยการใช้ครั้งแรกมีระยะเวลา 6 เดือน จะใช้จ่าย 10,000 บาทรวดเดียวเลยหรือจะทยอยใช้ก็ได้ สามารถใช้ได้กับทุกร้านค้าที่มีการลงทะเบียนรับสิทธิ และเป็นร้านที่อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกันกับบัตรประชาชน และร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น

วิธีลงทะเบียนรับสิทธิเงินดิจิตอล 10,000 บาท

รัฐบาลคาดว่า จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อยืนยันสิทธิในช่วงเดือนมีนาคม 2567 โดยโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตนี้ จะให้เฉพาะคนที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตน (KYC) เท่านั้น ไม่ได้แจกให้ทุกคนแบบอัตโนมัติ เป็นการยืนยันว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลตามเลขบัตรประชาชนจริง ๆ ป้องกันการสวมสิทธิ์ ใครอยากใช้ก็ลงทะเบียน ไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องลงทะเบียน
โดยรัฐบาลสามารถดึงฐานข้อมูลเก่า ๆ ที่ประชาชนเคยเข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐมาใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นการ Check-list และใช้ในการยืนยันสิทธิของแต่ละคนด้วย ส่วนคนที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐมาก่อนเลยก็ไม่ต้องกังวลใจไปครับ เพียงติดตามข่าวสารและเตรียมตัวลงทะเบียนรับสิทธิเงินดิจิตอล 10,000 บาทได้เช่นกัน

ทำไมถึงต้องมีโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต?

โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตนอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ประมาณหนึ่งแล้ว ยังเป็นมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เมื่อเกิดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่าที่หลายคนคิด เมื่อการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การสร้างงานในภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยลดอัตราการว่างงาน เมื่อประชาชนมีงานทำ ก็มีรายได้ และมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น มีส่วนช่วยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปนั่นเองครับ

สรุป เงินดิจิตอล 10,000 อัปเดตล่าสุด

หากคุณอายุ 16 ปีขึ้นไป มีเงินเดือนไม่ถึง 70,000 บาท และมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาทซึ่งต้องเข้าเงื่อนไขทั้งสองอย่างเลยนะครับ แนะนำให้คอยติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตนี้ ว่ารัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไหร่ ช่องทางไหน เมื่อมิสิทธิได้รับเงินดิจิตอล 10,000 บาทแล้ว เงินติดล้อก็อยากให้คุณได้ใช้สิทธิของตัวเองเต็มที่ เพราะเงินส่วนนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ แต่หากคุณรอเงินดิจิตอลไม่ไหว ต้องการกู้เงินด่วน เราขอแนะนำสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ เพียงนำเล่มทะเบียนรถมาแลกเงินก่อนได้เลยครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก: ฐานเศรษฐกิจ