เทคนิคการขับรถบรรทุกให้ปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจในทุกเส้นทาง

เทคนิคการขับรถบรรทุกให้ปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจในทุกเส้นทาง
รถของคุณผ่อนหมดแล้วหรือยัง?
หมายเหตุ ผ่อนรถอยู่ก็ขอกู้ได้ เพียงคุณมีประวัติชำระที่ดี … เงินติดล้อก็รับ
กรุณากรอกชื่อภาษาไทย
กรุณากรอกเฉพาะตัวเลข

การกดยืนยันข้อมูล แสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

การขับรถบรรทุก ขับรถสิบล้อ หรือขับรถหัวลากให้ปลอดภัยในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขึ้นเขา เลี้ยวโค้ง เข้าอุโมงค์ หรือลอดใต้สะพาน ต่างต้องใช้ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์เฉพาะตัวของผู้ขับค่อนข้างสูง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ด้วย ไปจนถึงความปลอดภัยของสินค้าที่บรรทุกมา การทำความเข้าใจพื้นฐานการขับรถบรรทุกอาจจะยังไม่เพียงพอ เงินติดล้อจะมาแนะนำวิธีการและเทคนิคการขับรถบรรทุกที่สามารถนำไปปรับใช้ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทางได้อย่างแน่นอน

7 เทคนิคการขับรถบรรทุกได้อย่างมืออาชีพ

7 เทคนิคการขับรถบรรทุกได้อย่างมืออาชีพ

รถบรรทุกถือเป็นยานพาหนะเพื่อการขับรถขนส่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องยอมรับว่าด้วยขนาดและความยาวของตัวรถ การจะขับรถบรรทุกได้อย่างมืออาชีพจึงไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และทำความเข้าใจเทคนิคการขับรถบรรทุกจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือผู้มีประสบการณ์ในการขับโดยตรงเพิ่มเติมด้วย เงินติดล้อจึงได้รวบรวมเทคนิคที่จำเป็นมาให้ดังนี้ 

1. ความพร้อมของรถบรรทุก

ความพร้อมของรถบรรทุก

การตรวจสอบความพร้อมของรถบรรทุกก่อนออกเดินทางทุกครั้งอาจไม่ใช่แค่เทคนิคการขับรถบรรทุก แต่เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ขับรถบรรทุกได้อย่างปลอดภัย ตรวจสอบยางทุกเส้น ทดสอบระบบเบรก ระบบไฟ แตร ที่ปัดน้ำฝน และอุปกรณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ปรับกระจกทั้งหมดเพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญหากขับรถขนส่งสินค้า ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม บรรทุกสินค้าอยู่ในขีดจำกัดน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนด และตรวจสอบอีกครั้งว่าใช้สายผูกหรืออุปกรณ์ล็อกอย่างแน่นหนา ปลอดภัยตามมาตรฐานหรือไม่

  • รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกินกว่า 9.5 ตัน
  • รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 15 ตัน
  • รถบรรทุกขนาด 10 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 25 ตัน
  • รถพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ ต้องบรรทุกหนักไม่เกิน 50.5 ตัน

2. ความพร้อมในการขับขี่

ไม่ว่าจะขับรถประเภทไหนก็ตามจำเป็นต้องมีใบขับขี่ ซึ่งจะออกให้กับบุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร ป้ายจราจร และแนวทางในการขับขี่บนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย โดยผ่านการทดสอบข้อเขียนและการสอบขับรถภาคปฏิบัติ เพื่อเป็นการยืนยันว่าคุณมีความสามารถมากพอในการขับรถบรรทุกตามที่มาตรฐานกำหนด ช่วยให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่ที่ได้รับใบขับขี่แล้วนั้น จะขับขี่รถได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

หากไม่อยากทำผิดกฎหมาย ขับรถบรรทุกต้องมีใบขับขี่ ท.2

รถบรรทุกส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้เพื่อการขับรถขนส่ง หรือเพื่อประกอบธุรกิจขนส่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งใบขับขี่ ท.2 ถือเป็นใบขับขี่ประเภท 2 เป็นใบอนุญาตการขับขี่รถทุกประเภทได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถใช้ขับรถได้ทั้งรถส่วนบุคคลและรถสาธารณะ โดยใบขับขี่ ท.2 สำหรับรถสาธารณะป้ายทะเบียนสีเหลือง จะเป็นใบอนุญาตการขับขี่เพื่อการขนส่งทุกประเภทที่ใช้ในเชิงพาณิชย์

3. การรักษาระยะห่าง

การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าควรเว้นอย่างน้อย 4-6 วินาที ในกรณีที่บรรทุกของหนัก เนื่องจากน้ำหนักของสิ่งที่บรรทุกมาด้านหลังทำให้รถเกิดแรงส่งค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องมีระยะการเบรกที่เพียงพอด้วย เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุกรณีเบรกกะทันหัน ดังนั้น อย่าลืมให้ความสำคัญกับการตรวจสอบระบบเบรก และบรรทุกน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนดที่เงินติดล้อได้แนะนำไปข้างต้นด้วยนะครับ

4. จุดบอดของรถบรรทุก

จุดบอดของรถบรรทุกจะอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาบริเวณคนขับ หากมีรถเล็กขับมาขนาบด้านข้างก็จะทำให้มองเห็นได้ยาก และบริเวณด้านหลังของรถบรรทุก หากบรรทุกของมาด้วยนั้นก็จะกลายเป็นจุดบอด 100% จึงเป็นหน้าที่ของรถคันหลังที่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 80 -100 เมตร เมื่อต้องขับตามหลังรถบรรทุก ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญกับการมองจุดบอดอยู่เสมอก่อนเปลี่ยนเลนหรือก่อนขยับรถ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรถคันอื่นหรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

5. ขับรถบรรทุกเข้าอุโมงค์

ขับรถบรรทุกเข้าอุโมงค์

เมื่อต้องขับรถบรรทุกเข้าอุโมงค์ไม่ควรขับด้วยความเร็ว โดยเฉพาะก่อนเข้าอุโมงค์ในเวลากลางวัน เนื่องจากสายตาต้องใช้เวลาในการปรับแสงประมาณ 5-6 วินาที เพื่อป้องกันภาวะตาพร่ามัว และเมื่อเข้าอุโมงค์ไปแล้วก็ไม่ควรเปลี่ยนเลนเนื่องจากรถส่วนใหญ่มักใช้ความเร็วสูง อีกทั้งพื้นที่ค่อนข้างแคบจึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

6. ขับรถบรรทุกขึ้นเขา

การขับรถบรรทุกขึ้นเขาหรือทางลาดชันควรใช้เกียร์และความเร็วที่เหมาะสม เนื่องจากการขึ้นทางลาดจะต้องใช้กำลังค่อนข้างมาก จึงต้องเร่งความเร็วตั้งแต่อยู่บนทางราบ จากนั้นเลือกใช้เกียร์ต่ำ (เกียร์ 1 หรือเกียร์​ 2) เพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังมากพอที่จะทำให้รถขึ้นทางลาดชันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อขึ้นไปได้เรียบร้อยแล้วให้ปล่อยรถแล่นต่อไปเองก่อนที่จะเริ่มเร่งความเร็ว คอยคาดการณ์เส้นทางลงเพื่อเตรียมเปลี่ยนเกียร์ลงทางลาดชันตั้งแต่เนิ่น ๆ การขับรถบรรทุกขึ้นเขาหรือทางลาดชันจะเคลื่อนตัวช้ากว่ารถประเภทอื่น ดังนั้น อย่าลืมอยู่ในเลนที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้การจราจรติดขัดด้วยนะครับ

7. ขับรถบรรทุกลงเขา

สำหรับการขับรถบรรทุกลงเขาหรือทางลาดชัน เมื่อเริ่มเห็นเส้นทางลงให้พยายามชะลอความเร็วไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รักษาความเร็วที่ปลอดภัยและสามารถควบคุมได้ การขับรถลงทางลาดชันจะใช้เทคนิค Engine Brake (เอ็นจิ้น เบรก) เป็นการลดความเร็วโดยไม่เน้นเหยียบเบรก แต่จะใช้การผ่อนคันเร่งทำให้รอบเครื่องยนต์ลดลงจนเกิดแรงหน่วง และเนื่องจากรถบรรทุกมีน้ำหนักส่งมาจากการบรรทุกของด้านหลังทำให้รถเกิดแรงส่งค่อนข้างมาก อาจมีการเหยียบเบรกร่วมด้วยตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรเหยียบบ่อยเพราะอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมที่จานเบรก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง 

สรุป เทคนิคการขับรถบรรทุก

การขับรถขึ้นเขา-ลงเขาหรือทางลาดชันเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกหรือรถประเภทใดก็ตาม อีกทั้งต้องคอยระวังจุดบอดต่าง ๆ รอบตัวรถตลอดการขับขี่ เพราะด้วยขนาดของรถบรรทุกทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ โดยรอบลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม การขับรถขนส่งในหลาย ๆ อุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ อีกทั้งรถบรรทุกสามารถเปลี่ยนเป็นเงินทุนเพื่อให้คุณนำไปต่อยอดทางธุรกิจ หรือเป็นเงินทุนสำรองเมื่อจำเป็นต้องใช้ได้ด้วย กับสินเชื่อทะเบียนรถบรรทุก อนุมัติไว ให้วงเงินสูง ไม่ต้องมีคนค้ำ และไม่ต้องโอนเล่ม

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไมโครลิสซิ่ง

รถของคุณผ่อนหมดแล้วหรือยัง?
หมายเหตุ ผ่อนรถอยู่ก็ขอกู้ได้ เพียงคุณมีประวัติชำระที่ดี … เงินติดล้อก็รับ
กรุณากรอกชื่อภาษาไทย
กรุณากรอกเฉพาะตัวเลข

การกดยืนยันข้อมูล แสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

เงินติดล้อ

บทความโดย

เงินติดล้อ

ผู้มุ่งหวังให้สังคมไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น