ช่วงปลายฝนต้นหนาว (ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน) และช่วงหน้าหนาว (ต้นเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่หลายคนวางแผนเที่ยวโดยเฉพาะเหล่าไบค์เกอร์ ถึงเวลาขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรับลมเย็น ชมบรรยากาศข้างทาง หรือขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาไปสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิด ให้คุณได้พักผ่อนหย่อนใจแถมยังได้สนุกกับการขับขี่ เงินติดล้อจึงได้รวมเส้นทางออกทริปมอไซค์ที่เหล่าไบค์เกอร์นิยมไปที่คนรักการขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ควรพลาด
7 เส้นทางออกทริปมอไซค์ที่ไบค์เกอร์แนะนำ
ทริปมอเตอร์ไซค์เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าสนุกและน่าตื่นเต้นสำหรับใครหลายคน เนื่องจากความสะดวกในการเข้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทำได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป อีกทั้งยังได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบข้างอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะการขับขี่ในเส้นทางธรรมชาติ หรืออุทยานต่าง ๆ ที่บอกได้เลยว่า ชิวสุด ๆ ต่อไปนี้เป็นเส้นทางออกทริปมอไซค์ที่ไบค์เกอร์หลายคนแนะนำ
1. สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 180 กม.
สวนผึ้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตใกล้กรุงเทพ ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนอยากขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวใกล้กรุงเทพ กับเส้นทางที่ไม่ได้ท้าทายไบค์เกอร์มากนัก เหมาะกับการออกทริปมอเตอร์ไซค์ช่วงหน้าหนาวมากกว่า เพราะช่วงหน้าร้อนอากาศจะค่อนข้างร้อนตามสภาพภูมิประเทศของเมืองไทย แต่หากใครอยากออกทริปสวนผึ้งช่วงหน้าร้อนก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะจังหวัดราชบุรีมีน้ำตกให้ได้เล่นน้ำคลายร้อน พักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อย่างอุทยานหินเขางู หน้าผาที่โป่งยุบ หรือถ้ำจอมพล ที่นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมไปเที่ยวถ่ายรูปกันอีกด้วย
2. เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 180 กม.
เขาใหญ่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพที่หลายคนนึกถึงเป็นที่แรก เมื่ออยากออกทริปมอไซค์ เพราะมีเส้นทางให้ไบค์เกอร์ได้ตื่นเต้นบ้าง ทั้งเรื่องการขับขี่และการลุ้นว่าอาจจะเจอสัตว์ป่าระหว่างทาง ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ มีต้นไม้รายล้อมตลอดเส้นทางเมื่อเข้าไปยังอุทยาน ดังนั้น เขาใหญ่จึงเป็นเส้นทางที่ไบค์เกอร์นิยมไปในช่วงหน้าหนาว เพื่อสัมผัสกับอากาศเย็นสบายตลอดการขับขี่ โดยสถานที่ท่องเที่ยวควรไปก็คือ น้ำตกเหวนรก มีจุดชมวิวสวยงามที่คุณไม่ควรพลาด สำหรับมอเตอร์ไซค์จะมีค่าเข้าอุทยานเขาใหญ่คันละ 30 บาท และค่าเข้าอีกคนละ 40 บาทสำหรับผู้ใหญ่ แต่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ
3. แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 210 กม.
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ แก่งกระจานจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี มีรีสอร์ตให้เลือกพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติมากมาย พร้อมชมวิวเขื่อนแก่งกระจาน ชมพระอาทิตย์ตก หรือกางเต็นท์ริมเขื่อน และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้ไบค์เกอร์ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวพะเนินทุ่ง สามารถชมทะเลหมอกได้เกือบตลอดทั้งปี แก่งกระจานเป็นเส้นทางออกทริปมอไซค์ที่ไบค์เกอร์สามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี และสำหรับใครที่ชอบเที่ยวร้านกาแฟในสวน ฟีลธรรมชาติ อำเภอแก่งกระจานจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
4. ปิล็อก จ.กาญจนบุรี
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 270 กม.
การเดินทางไปปิล็อกจังหวัดกาญจนบุรี คุณจะได้พบกับ 399 โค้ง เส้นทางเพื่อไบค์เกอร์ที่ต้องการความท้าทายในการขับขี่แต่ก็ไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนกับหน้าหนาว ให้คุณได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นชิว ๆ ในหมู่บ้านอีต่อง ปิล็อก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านแห่งสายหมอก และไปต่อกันที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกกลางหุบเขาไหลผ่านหน้าผาสูงกว่า 30 เมตร อยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิซึ่งจะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี
5. สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 350 กม.
อีกหนึ่งเส้นทางที่ไบค์เกอร์นิยมออกทริปมอไซค์รู้จักกันเป็นอย่างดี ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวเลียบวิวทะเลสาบเขาแหลมที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ภายในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมจะมีจุดชมวิวป้อมปี่ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและทะเลสาบกว้างใหญ่สวยงามสบายตา ให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แถมยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกที่ไม่ควรพลาด อีกทั้งยังมีกิจกรรมนั่งเรือชมวิวทะเลสาบข้ามไปฝั่งมอญอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านมอญที่มี “สะพานมอญ” ที่หลายคนคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี ห้วยซองกาเรีย และเจดีย์พุทธคยา
6. เขาค้อ ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 430 กม.
จุดหมายปลายทางยอดฮิตของไบค์เกอร์ที่อยากขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเขา คุณจะได้พบกับเส้นทางร้อยโค้ง อีกหนึ่งเส้นทางเพื่อไบค์เกอร์ที่ต้องการความท้าทายในการขับขี่ เป็นเส้นทางที่ขี่สนุกสุด ๆ ไปเลย นักท่องเที่ยวนิยมไปชมทะเลหมอกที่สวยงามอลังการไม่แพ้ภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาว และอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา) จะมีโค้งให้ไบค์เกอร์ได้ขับขี่พอตื่นเต้นเช่นกัน อุทยานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทุ่งหญ้าสะวันน่าของเมืองไทย มีแนวป่าสนธรรมชาติเรียงรายกันอย่างสวยงามควรค่าแก่การแวะไป
7. ดอยเสมอดาว จ.น่าน
ระยะทางจากกรุงเทพประมาณ 635 กม.
สำหรับไบค์เกอร์ที่ต้องการเพิ่มความท้าทาย ความตื่นเต้นในการขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาต้องที่นี่เลย ตลอดเส้นทางขึ้นดอยเสมอดาวจะได้พบกับเส้นทางที่เลื้อยไปมาตามสันเขา เป็นจุดหมายปลายทางที่คุณจะได้ทั้งความสนุกในการขับขี่ เพลิดเพลินกับวิวทะเลหมอกสุดอลังการ และนอนดูดาวตอนกลางคืน ควรแค่แก่การไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต ดอยเสมอดาวตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน และที่สำคัญคืออากาศเย็นตลอดทั้งปีด้วย แต่ใครอยากเห็นทะเลหมอกแบบจัดเต็มแนะนำให้มาช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงหน้าหนาว บอกเลยว่าแต่ละช่วงก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ว่างเมื่อไหร่ก็วางแผนมาเที่ยวกันได้เลยครับ
สรุป เส้นทางออกทริปมอไซค์
ไม่ว่าการเดินทางจะใกล้หรือไกล จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ อย่าลืมเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางเสมอ ทั้งการวางแผนเส้นทางและการเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น และนอกจากการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวจะช่วยเพิ่มความสุขให้กับไบค์เกอร์แล้ว ยังสามารถเพิ่มเงินในกระเป๋า เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ด้วยสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ ให้คุณมีเงินทุน เงินก้อน หมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : AUTOSPINN